เปิดโลก AI กับ ‘Gemini’ โมเดลสุดล้ำจากบิ๊กเทคฯ Google

​​​​​​​Generative AI กำลังกระตุ้นให้เกิดวิวัฒนาการใหม่ๆ ซึ่งทำให้บิ๊กเทคคอมพานี รวมถึงผู้คนเกิดการตื่นตัว พร้อมตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับวิธีการพัฒนาคอนเทนต์ การผลิตผลงานในมิติที่แปลกใหม่ รวมถึงการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์...

สำหรับความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ และน่าจับตามองอย่างมากในช่วงเวลานี้ หนึ่งในนั้นยังคงเป็นการขยับตัว(อีกครั้ง) ของยักษ์เทคโนโลยีอย่าง “Google” ซึ่งนับตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ปี 2567 เป็นต้นมา สร้างสีสันให้กับวงการด้วยการอัปเดตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

Google รายงานว่า นับตั้งแต่ที่เปิดตัว Bard เมื่อปีที่ผ่านมา ผู้คนทั่วโลกก็ได้ทำงานร่วมกับ AIในรูปแบบใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น การเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งาน การแก้ไขข้อบกพร่องของโค้ด การระดมความคิดทางธุรกิจใหม่ๆ หรือแม้แต่การสร้างรูปภาพที่น่าดึงดูดใจ ฯลฯ

ปัจจุบัน Google ได้เปลี่ยนชื่อ Bard ไปเป็น “Gemini” แล้ว และพร้อมให้บริการในมากกว่า 40 ภาษา ครอบคลุมประเทศ และเขตแดนต่างๆ กว่า 230 แห่ง

เปิดตัว ‘ผู้ช่วยAI’ ตัวจริง

Gemini ถือเป็นกลุ่มโมเดล AI ที่มีความสามารถมากที่สุด ซึ่งล่าสุดกูเกิลยังได้นำเสนอ 2 ประสบการณ์ใหม่ ได้แก่ Gemini Advanced และ แอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เพื่อช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับโมเดลAIที่ดีที่สุดของกูเกิลได้อย่างง่ายๆ

สำหรับ Gemini Advanced นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เปิดให้เข้าถึงโมเดลAIที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และมีความสามารถอันล้ำสมัยมากที่สุดอย่าง Gemini Ultra 1.0 แชตบอตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ เมื่อเทียบกับโมเดลชั้นนำอื่นๆ ขณะนี้พร้อมให้บริการในภาษาอังกฤษ และครอบคลุมประเทศ และเขตแดนต่างๆ กว่า 150 แห่ง

Gemini Ultra 1.0 จะทำให้ Gemini Advanced ยิ่งทวีความสามารถเมื่อทำงานที่มีความซับซ้อนสูง เช่น การเขียนโค้ด การให้เหตุผลเชิงตรรกะ การปฏิบัติตามวิธีการที่ละเอียดอ่อน และการทำงานร่วมกันในโปรเจกต์เชิงสร้างสรรค์ ไม่เพียงช่วยให้มีบทสนทนากับAIที่ยาวขึ้น และมีรายละเอียดมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเข้าใจบริบทจากพรอมต์ก่อนหน้าได้ดีขึ้นด้วย

ไม่ว่าจะเป็นครูสอนพิเศษส่วนตัว ช่วยในการเขียนโค้ดขั้นสูงขึ้น ทำหน้าที่ทดลองไอเดียใหม่ๆ ประเมินแนวทางการเขียนโค้ดต่างๆ อีกทางหนึ่งยังสามารถช่วยให้ดิจิทัลครีเอเตอร์ต่อยอดไอเดียไปสู่การสร้างสรรค์ โดยการสร้างคอนเทนต์ที่สดใหม่ การวิเคราะห์เทรนด์ล่าสุด และการระดมความคิดเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงเพื่อขยายฐานผู้ชม

ครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านการใช้เหตุผลของ AI และทาง Google จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป โดยการเพิ่มฟีเจอร์เฉพาะใหม่ๆ ที่ให้ผู้ใช้ Gemini Advanced ได้เข้าถึงความสามารถในการทำงานกับข้อมูลหลายประเภทมากขึ้น รวมถึงฟีเจอร์เขียนโค้ดแบบอินเทอร์แอคทีฟ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ลึกยิ่งขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ ล่าสุด Gemini และ Gemini Advanced พร้อมใช้งานแล้วบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ด้วยแอปใหม่บนแอนดรอยด์ และในแอปกูเกิลบนอุปกรณ์ไอโอเอส โดย Gemini บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยรูปแบบใหม่ที่ใช้ Generative Ai เริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดแอปแล้วในตลาดสหรัฐ ส่วนไอโอเอสจะเริ่มให้เข้าถึงได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ พูด หรือเพิ่มรูปภาพเพื่อรับความช่วยเหลือได้ทุกประเภทจาก Gemini บนโทรศัพท์มือถือ และนี่คือก้าวแรกที่สำคัญในการสร้าง “ผู้ช่วย AI ตัวจริง” ที่สามารถโต้ตอบบทสนทนา ทำงานได้หลากหลายรูปแบบ และเป็นประโยชน์ในทุกสถานการณ์

เคาะราคาเริ่มต้น 750 บาท

สำหรับราคา Gemini Advanced พร้อมให้บริการในแพ็กเกจ Google One AI Premium ใหม่ล่าสุดในราคา 750 บาทต่อเดือน โดยจะเริ่มจากการเปิดให้ทดลองใช้เป็นเวลา 2 เดือนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แพ็กนี้จะรวมฟีเจอร์อื่นๆ ด้านของกูเกิล และความก้าวหน้าล่าสุดที่จะมีในอนาคต

พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์อื่นๆ อย่างพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 2 TB มากกว่านั้น สมาชิกยังจะสามารถใช้ Gemini ใน Gmail, Google Docs, Google Slides, Google Sheets และอื่นๆ (เดิมคือ Duet AI) ได้ในเร็วๆ นี้

Google เผยว่า ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีAI สำหรับทุกคนภายใต้แนวทางที่กล้าหาญ และมีความรับผิดชอบ ในส่วนของการลดปัญหาต่างๆ เช่น เนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยหรืออคติ ได้สร้างการรักษาความปลอดภัยไว้ในผลิตภัณฑ์ตามหลักการเกี่ยวกับAI

โดยก่อนที่จะเปิดตัวได้ดำเนินการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยอย่างครอบคลุม รวมถึงจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจากภายนอก ตลอดจนปรับแต่งโมเดลพื้นฐานเพิ่มเติมโดยใช้การปรับแต่งแบบละเอียด และการสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยความคิดเห็นของมนุษย์

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์