เปิดใจ ‘วรพจน์ ถาวรวรรณ’ ในวันที่ Lenovo ต้องรักษาแชมป์ PC และโลกเข้าสู่ยุค AI
เปิดใจหัวเรือใหญ่แห่ง Lenovo “วรพจน์ ถาวรวรรณ” ผู้กุมบังเหียนธุรกิจ Consumer ทั้งหมดของแบรนด์ในประเทศอาเซียน, ฮ่องกง, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ถึงสถานการณ์ของแวดวง PC ที่เลอโนโวครองแชมป์ยอดขายเป็นอันดับหนึ่ง และความท้าทายใหม่ในยุค AI
KEY
POINTS
- ตลาด PC เริ่มมีสัญญาณบวกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ขึ้นมาต่อเนื่อง โดยที่กระแสน่าจะแรงมากในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งมาตรการ E-Tax เป็นปัจจัยสำคัญในประเทศไทย
- Lenovo เริ่มต้นไลน์อัพผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม AI Capabilities PC รับเทรนด์โลกที่ AI กำลังมาแรง
- Copilot เป็นอีกหนึ่งออปชันของ Smart AI ที่มีในผลิตภัณฑ์ AI Capabilities PC ของ Lenovo
ราว 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาด PC (Personal Computer) ทั่วโลกมีแต่ขาลง ทว่าสัญญาณชีพจากไตรมาสที่สามหรือประมาณเดือนธันวาคม 2566 กลับมาฟื้นขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะกับ Lenovo ที่มีการเติบโตของแผนก Consumer ถึงเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่าตลาดเริ่มมีรีบาวด์แล้วทั่วโลก
วันนี้ KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะมาพูดคุยกับ วรพจน์ ถาวรวรรณ Director Consumer Business Central Asia Pacific บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จํากัด หลังการกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งของตลาดผลิตภัณฑ์ PC ที่ตลอดไตรมาสแรกของปีนี้มีอะไรให้เล่าสู่กันฟังมากมาย
ตอนนี้ตลาด PC เป็นอย่างไรบ้าง?
“เราเริ่มมีสัญญาณบวกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ขึ้นมาต่อเนื่อง โดยที่กระแสน่าจะแรงมากในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งผมคิดว่ามาตรการ E-Tax น่าจะช่วยเยอะ ส่วนประเทศอื่นก็มีอัตราเร่ง เช่น สิงคโปร์โตในช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะตั้งแต่มกราคม สิงคโปร์เขาขึ้น Vat คนก็เลยซื้อก่อนที่ Vat จะขึ้น อินโดนีเซียตลาดกลับมาฟื้นจริง ฟิลิปปินส์โตจริง มาเลเซียก็กลับมาโต ก็ยังเหลือแค่บางประเทศที่อาจจะยังไม่ฟื้นตัวนัก ซึ่งส่วนมากเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ แต่โดยส่วนมากในอาเซียนตลาดกลับมาโต โดยเฉพาะประเทศไทย ไทยโตแบบโดดเด่นมากพอสมควรในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
และต่อจากนี้มันอาจจะลงมานิดหนึ่ง ลงมาด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือเหมือนมีการยืมดีมานด์ล่วงหน้ามา ทำนองเดียวกับงานมหกรรมที่ในงานจะยอดขายดี พอหลังงานจะมีวูบลงไปสองสัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้หมายความคนที่ซื้อมากองกันที่เดือนมกราคม แค่มันอาจจะมีผล ซึ่งปัจจัยลบที่รออยู่ข้างหน้าคือสงกรานต์ ช่วงที่เบาที่สุดคือสงกรานต์ทุกปี ก็เป็นปัจจัยลบสองปัจจัยมาชนกันพอดี หลังจากมาตรการภาษีกับสงกรานต์มาเจอกัน ตลาดในเดือนเมษายนก็จะซบเซาลงไป
แต่ผมมองว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมขึ้นไปจะเป็นบวกต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี เหตุผลหลักอย่างแรกคือตลาดไอที โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไม่ว่าตะโน้ตบุ๊ก พีซี แท็บเล็ต มันติดลบมาสามปีแล้ว พอมันครบสามปี ลองนึกดูครับว่าสินค้าเหล่านี้รวมถึงโทรศัพท์ ถ้าเราไม่เปลี่ยนโทรศัพท์มาห้าปีจะเกิดอะไรขึ้น OS มันไปเรื่อย เหมือนกันครับ คอมพิวเตอร์ก็เหมือนโทรศัพท์ ถ้าไม่ได้อัป OS มันไม่ได้ เพื่อส่งไฟล์มา คุณเปิดไม่ขึ้นถ้าคุณไม่อัปเกรดซอฟต์แวร์ ในขณะที่เมื่อ OS ไป ฮาร์ดแวร์มันก็ตาม Intel วันนี้ถึง Gen 14 แล้ว ถ้าคุณไม่เปลี่ยนมาสามปีแสดงว่าคุณใช้ประมาณ Gen 10 มันคือสี่สเตปเลยนะ มันถึงเวลาหรือยังที่จะต้องกลับมาซื้อ
ผมในฐานะตัวแทน Lenovo ก็เลยอยากบอกว่าเพื่อเป็นการต้อนรับเทรนด์ใหม่ของปีนี้ เนื่องจาก AI มาแรง Intel ก็ชูเรื่องของ Core Ultra ตัวเครื่องของ Lenovo เราเริ่มจะเห็นมี Software Manage บางอย่างในเครื่อง ถ้าลูกค้าคนนี้มีพฤติกรรมว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย ซื้อคอมสเปกสูงๆ ไปใช้แค่ Excel ถ้าเป็นคอมสมัย 5-10 ปีที่แล้วจะมีมาตรฐานแบตเตอรี่ใช้ได้ 8 ชั่วโมงก็จะดับไปเลย แต่คอมสมัยใหม่จะมีการประมวลว่าถ้าคุณใช้แค่ Excel จาก 8 จะกลายเป็น 14 ชั่วโมง แต่ถ้าเล่นใช้แบบ Multi-task ดูหนังด้วย ออนไลน์ด้วย จาก 8 ก็อาจจะเหลือ 6 ชั่วโมง AI มันจะบริหารจัดการ ซึ่ง 6 ชั่วโมงเนี่ยก็เพราะมันไปเร่ง GPU เร่ง CPU เพื่อทำให้งานสมูธขึ้น จนทำให้บางรุ่นถึงขั้น Overclock ได้ นี่คือการทำประมวลผล AI Endpoint โดยที่ไม่ต้องรอ Cloud รอ Networking ใดๆ ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหม่ที่ปีนี้ Lenovo นำเสนอ
เนื่องจาก Lenovo เป็นบริษัทผลิต PC อันดับหนึ่งของโลก ซึ่งตลาด PC เป็นตลาดที่โหดมาก ถ้าอยู่มาเกิน 20 ปีจะเห็นว่ามีคนออกไปเยอะมาก แบรนด์ลดลงเรื่อยๆ คนที่อยู่ได้ในตลาด Consumer จะต้องมีสเกล ถ้า Volume ไม่ถึง Economic of Scale ไม่ได้ อยู่ยากครับ เพราะฉะนั้น Lenovo อยู่ได้ด้วยสเกลที่ใหญ่สุดในโลก เป็นอันดับหนึ่งมานานมาก ต้นทุนการผลิตของเราได้เปรียบ ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้เราเปลี่ยนตั้งแต่หน้าตาสินค้า เทคโนโลยีภายในของ Intel, Copilot ของ Microsoft เป็นต้น”
ปัจจัยที่จะกระทบต่อตลาด PC ?
“เรื่องภาวะเศรษฐกิจ ผมมองว่าไม่น่าจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดอยู่แล้ว เศรษฐกิจโลก สงครามไม่เลิก การกีดกันทางการค้ายังมีอยู่ทั่วไป เพราะฉะนั้นมันเป็นข้อจำกัดในการที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกมันไม่โต แต่ผมมองว่าลูกค้าเองเมื่อประสบภาวะหนี้ครัวเรือน ผมว่าเขาต้องเลือกว่าอะไรที่เป็นสาระสำคัญ ซึ่งวันนี้ Device ของเราเป็นหนึ่งในปัจจัยห้า คอมพิวเตอร์มันขาดไม่ได้ เด็กไม่มีคอมก็ทำรายงานไม่ได้ ผู้ใหญ่ทำงานก็ต้องใช้ มันเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ ถ้าเทียบ เขาคงต้องไปบริหารจัดการสินค้าฟุ่มเฟือยบางอย่างหรือไม่ที่เขาผ่อน
ผมว่าสินค้าฟุ่มเฟือยอาจจะมีผลกระทบถ้าเศรษฐกิจไม่ดี แต่สินค้าที่จำเป็นแบบนี้ ฉันไม่เปลี่ยนมา 3-4 ปี ฉันก็จำเป็นต้องซื้อแล้ว”
Copilot จะทำให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกรอบ?
“แน่นอน วันนี้คนใช้ Chat GPT กันเป็นเรื่องปกติ Copilot เป็นอีกหนึ่งออปชันของ Smart AI ซึ่งมันสมาร์ตมากเลย คุณพูดกับมันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ มันจะเรียนรู้ในสิ่งที่เราหาไปเรื่อยๆ เหมือนกันโซเชียลมีเดีย ของแต่ละคนจะขึ้นไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องของ Preference ซึ่ง AI มันทำการคัดกรองอยู่แล้ว
ถึงทุกค่ายมี AI ของตัวเอง แต่ว่าไม่มีใครที่ทำได้ใหญ่เท่าเรา ด้วยความที่ขนาดเราใหญ่ สินค้าเราจึงครบถ้วนมากที่สุด จินตนาการแบรนด์ ก.ไก่ อาจจะเก่งในแง่ Gaming แต่ก็ไม่ได้มีแบรนด์ที่แข็งแรงเหมือน Yoga อีกแบรนด์ที่อาจจะอยู่ในกระแสหลักสู้กับ IdeaPad แต่ Gaming ก็ไม่ได้แข็งแรงเท่า Legion ของเราถ้าเฉพาะ Consumer เนี่ย End to End ของเรากว้างที่สุดแล้ว มีสินค้าให้เลือก ถ้าเป็นรถก็คือมีตั้งแต่ซีรีส์ 1 ถึงซีรีส์ 7 ไม่ใช่แค่ 3, 5, 7 แต่มีซับเซตลงไปอีก
ผมว่าลูกค้าวันนี้ต้องการบุคลิก แน่นอนว่ามีลูกค้าอีกกลุ่มที่เปลี่ยนไปมาด้วยโปรโมชันกับราคา แต่การทำธุรกิจในระยะกลางถึงระยะยาวมันต้องสร้าง Community ต้องสร้างบุคลิก แต่กับแบรนด์อื่นๆ ไม่ได้ทำอย่างเรา และนอกเหนือจากความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ เครือข่ายการกระจายสินค้าเราครอบคลุมไม่แพ้ใคร”
สถานการณ์โควิดกับต้นทุน?
“หลังโควิดต้นทุนลด เพราะทุกคนหยุดสั่ง เนื่องจากตลาดมันดรอป พอทุกคนหยุดสั่ง Component ก็ลดราคา ต้นทุนก็เลยลดนิดหน่อย แต่พอช่วง 3-5 เดือนมานี้คนสั่งเยอะ ต้นทุนก็เริ่มปรับขึ้น แต่ไม่ได้กระทบอะไรกับ Lenovo มันเป็นเรื่องปกติ ต้นทุนลด ราคาก็จะลงมานิดหนึ่ง ต้นทุนขึ้น ราคาก็ต้องขึ้นตาม
ถ้าเทียบกับก่อนโควิด ต้นทุนตอนนี้กำลังกลับไปใกล้เคียงเดิม เพราะหลังโควิดต้นทุนมันลดลงมา และก็อาจจะมีสูงกว่านิดหน่อยในบาง Component”
สัดส่วนรายได้ของ Consumer ภาพรวมเอเชียและในไทย?
“ผมจะบอกอย่างนี้ครับ Consumer กลับมาโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี ในขณะที่ Commercial โตต่อเนื่องมาตลอด เพราะฉะนั้นอัตราเติบโตของCommercial อาจจะสูงกว่า Consumer ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เป็น Solution Sale อันนี้โต 3 Digit เลยในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา เลยต้องบอกว่าโตไม่เท่ากัน แต่ในอดีตพื้นฐานของเราคือ Consumer ปัจจุบันสัดส่วนของ Commercial Enterprise ก็เลยโตมากๆ ทำให้สัดส่วนมันสมดุลมากขึ้น”
มีแผนจะเพิ่ม Consumer ให้โตขึ้นอีกไหม?
“ด้วยความที่ Lenovo เป็นที่หนึ่งทั้งโลกแล้ว เราจึงแค่อยากรักษาตำแหน่งที่หนึ่ง เพราะการที่คุณเป็นที่หนึ่งแล้วไปทิ้งที่สองเยอะๆ มันมีต้นทุนนะ คุณอาจจะต้องสู้ในบางราคาที่คุณไม่เคยสู้ ในขณะที่ถ้าเราจะตอกย้ำความเป็น End to End Solution มันต้องสร้างภาพ สร้างเทคโนโลยี ทำ R&D ในเรื่องโซลูชันเยอะขึ้น Consumer เราโอเคแล้ว นิ่งแล้ว ใหญ่มากแล้ว แต่โซลูชันตรงนั้นมันยังโตได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Retail Solution, Banking Solution, Manufacturing Solution เยอะเลยที่ยังไปได้และน่าลงทุน ซึ่งพอสเกลตรงนี้ขนาดมันพอ เอาเงิน R&D ตรงนั้นมาเพื่อให้มันโต และท้ายที่สุดต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าในแง่ของกำไร สินค้าโซลูชันพวกนั้นกำไรสูงกว่าอยู่แล้ว มันก็ดีในแง่ขององค์กรรวม
นั่นหมายความว่าอันดับแรกเราไม่ยอมเสียที่หนึ่ง นี่คือจุดยืนที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าไม่สู้ ก็คือไม่ยอม ถ้าใครเข้าใกล้ก็ต้องสปีด ไม่ให้เสียที่หนึ่ง”
มอง Lenovo AI Capabilities ไว้อย่างไร?
“Lenovo เราเพิ่ง Launch โดยเครื่องจะทำงานให้เองส่วนหนึ่ง สมมติวันนี้เราซื้อ AI Capabilities PC ของ Lenovo เราไม่ต้องไปสั่งอะไรเขา เขาจะค่อยๆ ดู เหมือนรถที่ผมขับ สเปกคือขับได้ 420 กิโลเมตร แต่มันเรียนรู้ว่าผมเป็นคนขับไม่กระทืบ สัก 7 วัน มันชาร์จเต็มไปได้ถึง 500 กิโลเมตร แต่ถ้าช่วงไหนผมเฟี้ยวมาก เหยียบๆ ชาร์จเต็มเหลือ 380 กิโลเมตร นี่ก็คือ AI เหมือนกัน เพราะฉะนั้นคอมพิวเตอร์ที่เราเปิดมา สมมติเปิด Adobe ทั้งวัน ตัดต่อ เรนเดอร์ มันก็จะจำว่าคนนี้เปิดมาใส่พาสเวิร์ดเสร็จปุ๊บ เตรียมตัว GPU ฉันให้เธอเต็มๆ เลย แต่ก็จะตามมาด้วยอายุแบตเตอรี่ที่สั้นเสมอเลย นี่คือเราไม่ต้องไปสั่ง แต่มันจะซัพพอร์ตการทำงานโดยที่เราไม่รู้ตัว”