จับตาพรุ่งนี้ศาลฯ ฟังคำสั่ง‘พิรงรอง’หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังทรูฯยื่นฟ้อง

จับตาพรุ่งนี้ศาลฯ ฟังคำสั่ง‘พิรงรอง’หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังทรูฯยื่นฟ้อง

ลุ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พรุ่งนี้ว่า หลังทรูไอดียื่นฟ้องบอร์ดกสทช.ว่าจะมีคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือจำเป็นต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ค.) การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการพิจารณาประเด็นการคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่มีส่วนได้ส่วนเสียของศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต หลังจากที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดี อท. 147/2566 ที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ในข้อหาความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยกล่าวหาว่ามีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมส่งผลให้เอกชนเสียหาย

โดยการประชุมเริ่มเวลา 9.00 น. ประชุมไปได้ถึงวาระ 3.1 มีการปิดเสียงตามสายและให้เป็นการประชุมวาระลับ ต่อมามีการพักการประชุม และได้มีการกลับมาประชุมอีกครั้งเวลา 11.30 น. แต่มีการโต้เถียงว่าจะให้ ศ.ดร. พิรงรอง เข้าประชุมด้วยหรือไม่ หลังจากนั้นผ่านไปถึง 30 นาที ถึงมีการเริ่มประชุมอีกครั้ง โดยยินยอมให้ศ.ดร.พิรงรองเข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 14 พ.ค. ) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีนัดฟังคำสั่งว่าให้ ศ.ดร.พิรงรอง ระงับการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และคณะอนุกรรมการด้านกิจการโทรทัศน์และห้ามกระทำการที่จะก่อให้เกิดความเดือนร้อนเสียหายต่อบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ ตามที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ร้องขอหรือไม่ โดยคดีนี้สืบเนื่องจากการที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวหาว่า ศ.ดร. พิรงรอง ในฐานะกรรมการ กสทช. และคณะอนุกรรมการด้านกิจการโทรทัศน์ ดำเนินการให้สำนักงาน กสทช.ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์และวิทยุ 127 แห่ง 

โดยขอให้ตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านการให้บริการกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Internet TV Box) และแอปพลิเคชัน ทรู ไอดี เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดว่าโจทก์กระทำผิดกฎหมาย จนอาจถูกระงับเนื้อหารายการต่างๆ ที่ได้ส่งไปออกอากาศ และโจทก์เห็นว่าการกระทำดังกล่าว มีพฤติการณ์ หรือเหตุที่มีสภาพร้ายแรงที่แสดงถึงความมีอคติและความไม่เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่

ทางด้านศาสตราจารย์ ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยกกรณีที่นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ที่ถูกฟ้องจากบริษัทเอกชน ในงานเสวนา ฬ.นิติมิติ “เจ้าหน้าที่ของรัฐกับการถูกฟ้องคดีอาญา”  ซึ่งการฟ้องดังกล่าว ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดผลแพ้ชนะแต่อย่างใด แต่หวังผลให้เกิดขึ้นใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่

1.กสทช. มีจำนวน 7 คน แบ่งเป็น 2 ฝ่าย 3 : 4 เคยเกิดเหตุการณ์ผลประชุมเท่ากัน และเกิดการออกเสียงซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ศาลรัฐมธรรมนูญมีกฎหมายระบุไว้ว่าไม่สามารถทำได้ ประธานไม่สามารถออกเสียงซ้ำได้ จะต้องมีการเกลี่ยกล่อมกันจนเกิดฉันทามติ

2.เคยมีประเด็นควบรวม ทรู ดีแทค (ล่มมา 6 ครั้ง) ยังอยู่ที่ศาลแต่ดำเนินการไปแล้ว

3.หากกรณีพิจารณาเรื่อง ทรู กสทช. 7 คน ทรู (ซึ่งมีส่วนได้เสีย) จะคัดค้านว่าอาจารย์พิรงรองเป็นคู่กรณีต้องถอนตัวเพื่อให้กรรมการเหลือ 6 คน เมื่อคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานออกเสียงเพิ่ม 1 เสียง

4.กรณีนี้จึงมิใช่ต้องการให้คดีแพ้หรือชนะ แต่ต้องการฉวยโอกาสเอาเวลาจากความล่าช้าของการพิจารณาคดีมาเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนโดยใช้ศาลเป็นเครื่องมือ

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาผลการพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในวันพรุ่งนี้ว่า จะมีผลอย่างไร ศาลจะมีคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือจำเป็นต้องรอให้ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดก่อนโดยในระหว่างการพิจารณาคดีนี้ ศ.ดร.พิรงรอง ก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้