ได้ไปต่อ! ศาลอาญาฯยกคำร้อง ‘ทรู’ ฟ้องให้ ‘พิรงรอง’ หยุดปฏิบัติหน้าที่กสทช.
คำสั่งศาลอาญายกคำร้องของทรูฯ ที่ยื่นฟ้องให้พิรงรองหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระบุหากมีคำสั่งยุติบทบาทจะส่งผลต่อการเดินหน้าขับเคลื่อนสร้างสื่อคุณภาพ อนาคตทีวีดิจิทัล แม้สำนักงาน กสทช.จะสานงานได้แต่ก็ขาดหัวเรือใหญ่
วันนี้ (14 พ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ คดี 147/2566 ตามที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวหาว่านางสาว พิรงรอง รามสูตในฐานะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือบอร์ดกสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ และในฐานะเป็นคณะอนุกรรมการด้านกิจการโทรทัศน์
หลังจากที่ได้ดำเนินการให้สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์และวิทยุ 127 แห่งให้ตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านการให้บริการกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Internet TV Box) และแอปพลิเคชัน ทรู ไอดี
เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดว่าโจทก์กระทำผิดกฎหมาย จนอาจถูกระงับเนื้อหารายการ ที่ได้ส่งไปออกอากาศ และโจทก์เห็นว่าการกระทำดังกล่าว มีพฤติการณ์ หรือเหตุที่มีสภาพร้ายแรงที่แสดงถึงความมีอคติและความไม่เป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดผลการพิจารณาวันนี้ศาลฯยกคำร้องเพราะเห็นว่าพฤติกรรมไม่ได้เป็นไปตามคำร้อง ถือเป็นโอกาสดีที่ บอร์ดกสทช. ยังคงได้ขับเคลื่อนภารกิจสำคัญโดยเฉพาะงานด้านโทรทัศน์ และการพัฒนาสื่อคุณภาพให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีต่อไป
โดยงานสำคัญที่อยู่ภายใต้การดูแลของ นางสาวพิรงรอง ประกอบด้วย
การจัดทำ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การสนับสนุนการผลิตรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่รวมถึงการส่งเสริมการผลิตคอนเทนต์พิเศษสำหรับเด็ก คนดูทุกกลุ่ม และผลิตคอนเทนต์สนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์
การกำหนดทิศทางและก้าวต่อไปของโทรทัศน์ภาคพื้นดินหรือทีวีดิจิทัล ที่สิ้นสุดใบอนุญาต มีการบ้านที่ต้องพิจารณาต่อไปหลายข้อว่ามีการประมูลต่อไปหรือจะกำหนดอนาคตทีวีดิจิทัล ที่สำนักงาน กสทช. กำลังศึกษาและสังเคราะห์ฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ทางเลือกในเชิงนโยบายในการให้อนุญาตและการกำกับดูแล เพื่อเสนอทางเลือกรองรับการสิ้นสุดใบอนุญาต
การศึกษาและกำหนดแนวทางรองรับการผลักดันต้นแบบแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับชาติเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์สามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล National Steaming Platform ที่อยู่ระวางการวางรูปแบบ และทางเลือก ในการเข้าถึงกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล การประมาณการต้นทุนของแต่ละทางเลือก
การกำหนดกระบวนการ (ทดลอง) และให้อนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ชุมชนสำหรับประเทศไทย (Roadmap ทีวีชุมชนต้นแบบ) รวมทั้งมีการจัดทำมาตรการส่งเสริมผู้ให้บริการทีวีชุมชน
การทดลองทดสอบการนำเทคโนโลยี UHD (4K) ไปใช้งานในกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินและกิจการทางเลือกอื่น และการพัฒนาหลักเกณฑ์และกลไกในการกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ไทยให้สอดคล้องกับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมและการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป โดยลดการกำกับดูแลโทรทัศน์แบบดั้งเดิม เพิ่มการกำกับแพลตฟอร์ม
การกำหนดขอบเขตการโฆษณาให้ชัดเจนและพัฒนากลไกการกำกับโฆษณา (Self-regulation) การบังคับใช้ประกาศออนไลแพลตฟอร์ม/รวมกลุ่ม/ส่งเสริมบริการชุมชน/ส่งเสริมผลิตรายการ
การปรับปรุงประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry)
การจัดให้มีการจดแจ้งขององค์กรวิชาชีพที่มีการรวมกลุ่มเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลกันเองภายใต้มาตรฐานทางจริยธรรมของสื่อ (ประกาศรวมกลุ่ม)
งานส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในกิจการฯ โดยเฉพาะในบทบาทผู้ประกาศข่าว ผู้รายงานข่าว ผู้ดำเนินรายการ อย่างเป็นมืออาชีพ มีความเป็นกลาง และมีจิตสำนึกรับผิดชอบ โดยสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ประกอบวิชาชีพและเครือข่ายผู้ชมผู้ฟัง
การดำเนินมาตรการตามแผน USO การส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ประสาสความร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคทำศูนย์ USO กับ กสทช. และ มูลนิธิต่างๆ
กาาขับเคลื่อนการสร้างสรรค์และการใช้สื่อเพื่อการยอมรับความหลากหลายและเข้าใจบริบททางสังคมและการอยู่ร่วมกัน (Diversity and Inclusion) และส่งเสริมคนพิการและผู้ด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงหรือรับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ได้เพิ่มมากขึ้น
รวมถึงการสำรวจระดับการเข้าถึง รับรู้ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร อย่างรู้เท่าทันของประชาชน และเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไปของคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส รวมถึงผู้ที่มีความหลากหลายในด้านสังคมและวัฒนธรรมด้วย ไม่ใช่เพียงทางด้านกายภาพ
ดังนั้น หากคำสั่งศาลฯมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าคดีจะถึงที่สุดย่อมทำให้งานในการสร้างสรรค์สื่อที่มีคุณภาพรวมถึงงานด้านการกำกับกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ที่มีเรื่องต้องตัดสินใจและขับเคลื่อนเรื่องสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศอาจจะชะงักได้
แน่นอนว่าด้วยกระบวนการการทำงานของสำนักงาน กสทช. สามารถขับเคลื่อนเรื่องสำคัญต่างๆต่อเนื่องไปได้ แต่หากไม่มีผู้เป็นกำลังสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนย่อมทำให้งานที่ควรจะพัฒนาไปต้องขาดกำลังส่งในการขับเคลื่อนทำให้บรรลุตามเป้าหมายไม่ได้เต็มที่