ร้องนายกฯปลด 'ประธานบอร์ดกสทช.' ย้ำชัดมีหลักฐานผิดคุณสมบัตินั่งเก้าอี้
อดีตรักษาการกสทช.เดินหน้าร้องหมอไห่! ยื่นหนังสือถึงนายกฯ หลังปธ.วุฒิ ดองเรื่อง ทั้งที กมธ.ไอซีที ฟันชัด “นพ.สรณ” ผิดคุณสมบัติประธาน กสทช. ย้ำยิ่งช้า ประเทศยิ่งเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 5 ก.ค.) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ได้เดินทางนำเอกสารและหนังสือเข้าร้องเรียนต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม และให้ติดตาม การพิจารณาในกรณีการขาดคุณสมบัติของนพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช.
หลังจากที่ คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา หรือ กมธ.ไอซีที มีความเห็นว่า นพ.สรณ ขาดคุณสมบัติการเป็นประธานและกรรมการกสทช.ตามระเบียบกฎหมาย พร้อมได้ส่งเรื่องไปยัง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาพิจารณาแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นานนับเดือน ทั้งที่จริงรายงานควรส่งถึงท่านนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าที่วุฒิสภาชุดนี้จะหมดวาระ สว. ด้วยซ้ำ ดังนั้น ตนจึงได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือ โดยมี นายสมพาส นิลพันธ์ ที่ปรึกษาปลัดสำนักนายก เป็นตัวแทนรับเอกสาร
นายภูมิศิษฐ์ กล่าวว่า ช่วงเดือนกันยายน 2566 ตนได้มีหนังสือไปยังวุฒิสภา เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ นพ.สรณ ประธาน กสทช. ว่ามีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 7 หรือกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 8 และมาตรา 18 รวมทั้งมิได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาตามมาตรา 26 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ 2553
โดยได้ยื่นตรวจสอบ 3 กรณี
1. ประธาน กสทช.ยังมีสถานะ “เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย” ทำหน้าที่ตรวจและรักษาคนไข้ผู้ป่วยได้รับค่าตอบแทนรายชั่วโมง ของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มาตลอดจนถึงปัจจุบัน
2. ประธาน กสทช. ยินยอมให้เสนอชื่อตนเองต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของ ธนาคารกรุงเทพ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นเลือกและยอมรับการเป็นกรรมการของธนาคารดังกล่าว พร้อมทั้งมิได้ลาออกจากตำแหน่ง ถึงแม้จะได้รับการโปรดเกล้ารับตำแหน่ง กรรมการ กสทช.ก็ตาม
3. ประธาน กสทช. ยังคงมีสถานะเป็นผู้บริหารหรือพนักงานของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ช่อง รามาชาแนล ก่อนเข้ารับตำแหน่ง กรรมการ กสทช.
ซึ่งจากบันทึกการประชุม กมธ.ไอซีที เลขที่ 17/2567 วันที่ 28 พ.ค.2567 ตามปรากฎเอกสารการพิจารณาข้อมูลและพยานหลักฐานประกอบกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น พบว่า นพ.สรณฯ มีลักษณะเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 18 มาตรา 20 และมาตรา 26
นอกจากนี้ ยังมีมติให้กราบเรียนประธานวุฒิสภาพิจารณาตามหน้าที่และอำนาจกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ภายหลังที่ทราบความเห็นและมติของ กมธ.ไอซีที ตนจึงได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคุณสมบัติของประธาน กสทช.แต่จนถึงปัจจุบัน ยังมิได้ดำเนินการตามตามอำนาจผูกพันตามกฎหมายพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 18 และมาตรา 20
นายภูมิศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากขอกราบเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ได้โปรดดำเนินการตามอำนาจผูกพันตามกฎหมาย พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 7 ข. (12) มาตรา 8 มาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 18 และมาตรา 20 เพราะการนิ่งเฉยดังกล่าวอาจจะส่งผลเสียต่อประโยชน์สาธารณะและการดำเนินกิจการโทรคมนาคมของประเทศ ซึ่งอาจเข้าข่ายการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้
และในระหว่างนี้ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ได้โปรดมีคำสั่งให้ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์สรณ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานและกรรมการ กสทช. ไว้ก่อน เนื่องจาก นพ:สรณ ต้องพ้นจากตำแหน่ง กรรมการ กสทช. ตั้งแต่วันที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 7 หรือการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ หากยังคงให้นพ.สรณปฏิบัติหน้าที่ กสทช. ต่อไปอาจก่อให้ความเสียหายในอนาคตเพราะการอนุมัติต่างๆ อาจจะถือเป็นโมฆะได้