กสทช.รับผิดแผนทำ 'ประมูลดาวเทียมล่ม' เร่งปรับเกณฑ์รักษาวงโคจรในส.ค.นี้
บอร์ดกสทช.ยอมรับไร้เอกชนประมูลดาวเทียม ทำให้ล่มโดยปริยาย ประกาศขอดิ้นอีกเฮือกรักษา 2 วงโคจรดาวเทียม50.5 และ 142 ให้ประเทศชาติ ผลักดันหลักเกณฑ์ใหม่ไม่มี 'ประมูล' ปรับเกณฑ์ยืดหยุ่นเต็มที่เปิดกว้างและพิจารณาคุณสมบัติแทน
สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (31 ก.ค.) จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ สำนักงาน กสทช. ได้กำหนดเวลาการจัดการประมูลการใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียม ณ ตำแหน่งวงโคจร ในลักษณะจัดชุด โดยมีเอกชนสนใจรับซองรายละเอียดการประมูลไปทั้งสิ้น 2 ราย
แต่สุดท้ายเมื่อครบกำหนดการยื่นเอกสารเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา กลับไม่มีผู้ใดยื่นซองประมูลเลยนั้น บอร์ดกสทช.มีการประชุมกันในวันนี้ เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการจัดสรรสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ณ ตำแหน่งวงโคจรดังกล่าวในลักษณะจัดชุด
จากการประชุมดังกล่าว บอร์ดมีมติผลักดันเกณฑ์ใหม่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นคือผสมผสานระหว่างแนวทางจัดสรรสิทธิโดยตรงแบบเปิดกว้าง (open direct award) และเปรียบเทียบคุณสมบัติและข้อเสนอ (Beauty Contest) แทนการประมูลแบบเคาะราคา โดยจะเร่งทำหลักเกณฑ์ให้เสร็จในในเดือนส.ค.นี้ เพราะสิทธิในวงโคจรจะสิ้นสุดพ.ย.นี้แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีมติเร่งผลักดันหลักเกณฑ์ใหม่ข้างต้นแล้ว บอร์ดกสทช. ยังมีมติให้สำนักงาน กสทช. ทำหนังสือไปสอบถามคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในการใช้วงโคจรดาวเทียมดังกล่าว ตำแหน่งวงโคจร 50.5-51 และ 142 องศาตะวันออก ภายใน 5 วันทำการและให้สำนักงาน กสทช. มีหนังสือไปยังสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) เพื่อขอขยายระยะเวลาการใช้งานข่ายงานดาวเทียมในวงโคจรดังกล่าวออกไป เนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินการคัดเลือกผู้ได้รับอนุญาต
ซึ่ง กสทช. จะไม่กำหนดเกณฑ์ แต่ให้เอกชนที่สนใจยื่นเสนอเงื่อนไขเข้ามา และแบบเปรียบเทียบคุณสมบัติและข้อเสนอจากผู้ร่วมคัดเลือก (beauty contest) โดยมุ่งเน้นการรักษาสิทธิวงโคจรและเน้นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กสทช.จะพิจารณาเปรียบเทียบว่าข้อเสนอของผู้ประกอบการรายใดให้ความมั่นใจว่าจะรักษาสิทธิวงโคจรทั้ง 3 ตำแหน่งได้ และมีข้อเสนอที่ดีที่สุด โดยมีมติให้สำนักงาน กสทช. จัดทำร่างหลักเกณฑ์การจัดสรรสิทธิด้วยวิธีการดังกล่าวเสนอที่ประชุม กสทช. ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ก่อนที่จะนำไปรับฟังความคิดเห็นและประกาศใช้ต่อไป อีกทั้งในระหว่างนี้ ยังมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์เพิ่มเติม กรณีแนวทางเลือกที่ กสทช.จะเป็นผู้ดำเนินการรักษาสิทธิเอง โดยให้ศึกษาทั้งข้อดีและข้อจำกัดในประเด็นต่างๆ อาทิ ข้อจำกัดด้านกฎหมาย ข้อจำกัดทางเทคนิค หรือข้อจำกัดอื่นๆ รวมทั้งงบประมาณที่จะต้องดำเนินการ และนำเสนอที่ประชุม กสทช. ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
สำหรับสิทธิวงโคจรดาวเทียมที่นำมาประมูล มีข้อจำกัดในการใช้คลื่นความถี่และการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยพื้นที่ให้บริการของวงโคจรดังกล่าวมีฟุตปรินต์ หรือ รัศมีสัญญาณในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกและในทวีปยุโรปและแอฟริกา ในขณะที่มีดาวเทียมต่างชาติหลายดวงที่ให้บริการใกล้กับตำแหน่งวงโคจรดังกล่าว
นอกจาก จะส่งผลให้ผู้ประกอบการดาวเทียมไทยมีข้อจำกัดในการใช้งานคลื่นความถี่ได้น้อยลงแล้ว ย่านความถี่ดังกล่าว (C และ Ku) ยังเหมาะสำหรับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์เท่านั้น ซึ่งหากจะนำไปใช้ในกิจการโทรคมนาคม เช่น การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก และจะต้องเผชิญกับการแข่งขันกับผู้ให้บริการดาวเทียมในวงโคจรต่ำที่มีพื้นที่ให้บริการได้ทั่วโลก เช่น SpaceX OneWeb และ Amazon
ในการประมูลครั้งที่ผ่านมา บอร์ด กสทช. ได้ลดราคาขั้นต่ำของใบอนุญาตลง โดยวงโคจรตำแหน่ง 50.5-51 องศาตะวันออก ลดจาก 374 ล้านบาท เหลือ 41 ล้านบาท และวงโคจร 142 องศาตะวันออก ลดจาก 189 ล้านบาท เหลือ 23 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้มีหนังสือตอบกลับสำนักงาน กสทช. ที่ขอรับทราบนโยบายของรัฐบาลสําหรับความต้องการและความพร้อมในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐสำหรับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมในตำแหน่งดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า ตำแหน่งวงโคจร 50.5 51 และ 142 องศาตะวันออก ไม่อยู่ในชุดข่ายงานดาวเทียมตามนโยบายการดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ ที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการไปเรียบร้อยแล้ว