เอาไปอีกคดี 'ไตรรัตน์' ฟ้องบอร์ดกสทช.ทั้งชุด เหตุไม่เลือกนั่งเลขาฯตัวจริง

เอาไปอีกคดี 'ไตรรัตน์' ฟ้องบอร์ดกสทช.ทั้งชุด เหตุไม่เลือกนั่งเลขาฯตัวจริง

เปิดเอกสารคดี ไตรรัตน์ ฟ้อง 7 บอร์ดกสทช. หลังมีมติไม่เลือกนั่งเลขาธิการกสทช. ตัวจริง ขณะที่สำนักงานฯ ชงหมายศาลเข้าบอร์ดไม่ถึงเดือน ขีดเส้นชี้แจงกระบวนการเลือก ภายใน 2 ต.ค.นี้ แหล่งข่าวเชื่อเป็นเกมก้าวขึ้นตำแหน่งโดยอัตโนมัติ

การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎเลขคดีศาลปกครองกลาง หมายเลขคดีดำ 1463/2567 ลงวันที่ 2 ก.ย.2567 ในวาระอื่นๆ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นคดีที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ และรักษาการเลขาธิการกสทช. ได้ยื่นฟ้อง นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. และกรรมการกสทช.ทุกคนรวมทั้งองค์คณะ 7 คน ถึงประเด็นกระบวนการสรรหาเลขาธิการกสทช.ที่มีการลงมติไม่เลือกนายไตรรัตน์เป็นเลขาธิการกสทช.ตามที่ได้มีการเสนอชื่อ

โดยเอกสารระบุว่า ประธานกสทช.คือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ กรรมการกสทช.คือผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต้องทำคำให้การและแนบสำเนาพยานหลักฐานที่รับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้าจำนวน 1 ชุดและจัดทำสำเนาคำให้การและสำเนาพยานหลักฐานที่รับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้าอีกจำนวน 1 ชุดรวม 2 ชุดยื่นต่อศาลภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งนี้

ทั้งนี้ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต้องจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มขั้นตอนกระบวนการคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช.ตามประกาศประธานกรรมการของผู้ถูกฟ้องคดี เรื่องรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช. ลงวันที่ 17 มี.ค. 2566

จนถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่กสทช. ลงวันที่ 24 ก.ค.2567 แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ที่ไม่รับอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีตามมติที่ประชุมเสียงข้างมากของผู้ถูกฟ้องคดีในการประชุมครั้งที่ 14/2567 เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2567 หากผู้ถูกฟ้องคดีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลภายในระยะเวลาที่กำหนดศาลจะถือว่าผู้ถูกฟ้องคดียอมรับข้อเท็จจริงตามข้อหาของผู้ฟ้องคดี

แหล่งข่าวจากกสทช.ระบุว่า คดีดังกล่าว สำนักงาน กสทช.นำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมกระชั้นชิดมาก ทำให้กรรมการกสทช.ทำเอกสารชี้แจงต่อศาลฯไม่ทันแน่นอน ดังนั้นคาดว่ากรรมการกสทช.น่าจะอยู่ระหว่างการทำหนังสือขอเลื่อนการส่งเอกสารคำให้การออกไปก่อน 

“การดำเนินการเช่นนี้ หากไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามที่ศาลกำหนด มีความสุ่มเสี่ยงมากที่นายไตรรัตน์จะได้ขึ้นตำแหน่งเลขาธิการกสทช.โดยชอบธรรม หรือไม่ ทำไมสำนักงานกสทช.ถึงแจ้งล่าช้า” แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกต 

 

ขณะที่คดีของนายไตรรัตน์ ก็ยังมีอีกคดีที่ค้างอยู่ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในการฟ้อง 4 กสทช.คือ พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,นางสาวพิรงรอง รามสูต ,นายศุภัช ศุภชลาศัย และนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566

ในคดีสอบวินัยเรื่องการให้เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จำนวน 600 ล้านบาท ให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และปลดนายไตรรัตน์ ออกจากรักษาการเลขาธิการกสทช.

เกือบ 2 ปี สรรหาเลขาธิการกสทช.ไม่จบ

1 ปีกว่า นับจากประธานกสทช. นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประกาศสรรหาตำแหน่งเลขาธิการกสทช.เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว แม้จะมีคนเข้ามาสมัครแต่รายชื่อที่ประธานเสนอที่ประชุมคือนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการกสทช.และรองเลขาธิการกสทช.ซึ่งเป็น 1 ในผู้สมัครด้วย 

ทว่าเส้นทางการขึ้นเลขาธิการกสทช.ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อกรรมการกสทช.ทั้ง 4 คน คือพลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,นางสาวพิรงรอง รามสูต ,นายศุภัช ศุภชลาศัย และนายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ไม่ได้เห็นด้วยกับกระบวนการสรรหาตั้งแต่แรกที่ใช้อำนาจประธานกสทช.กำหนดกระบวนการและวิธีการทั้งหมด ไม่ใช่การโหวตจากกรรมการกสทช.

จึงกลายเป็นที่มาของมติ 4 ต่อ 3 ไม่เลือกนายไตรรัตน์  เป็นเลขาธิการกสทช. ทำให้ต้องมีการสรรหาเลขาธิการใหม่ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2567 ซึ่งเหตุผลหลักของ 4 กสทช.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล แต่ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการสรรหามาตั้งแต่แรก 

แม้นายไตรรัตน์ได้มีการอุทธรณ์มติดังกล่าวแล้ว แต่กรรมการกสทช.ก็ยืนยันว่า อุทธรณ์ไม่ได้ เพราะมติระบุชัดว่าไม่เกี่ยวกับตัวบุคคล แต่ไม่ลงมติเพราะเหตุผลกระบวนการสรรหาไม่ถูกต้อง 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2566 นายไตรรัตน์ ได้ฟ้อง 4 กสทช.และนายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ อดีตรองเลขาธิการกสทช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 155/2566 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

กรณีการเปลี่ยนตัวรักษาการรองเลขาธิการกสทช.จากนายไตรรัตน์ เป็น นายภูมิศิษฐ์ เนื่องจากมีการสอบสวนคดีสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ให้กับ กกท. ซึ่งนายไตรรัตน์เห็นว่า กสทช. ไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการลงมติให้ประธานกรรมการหรือสำนักงาน กสทช. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย