OpenAI เริ่มให้บริการฟีเจอร์ ‘สั่ง-ตอบด้วยเสียง’ แก่สมาชิก ChatGPT

OpenAI เริ่มให้บริการฟีเจอร์ ‘สั่ง-ตอบด้วยเสียง’ แก่สมาชิก ChatGPT

คุยได้แบบเรียลไทม์! ฟีเจอร์สั่งและตอบด้วยเสียง (Advanced Voice Mode) ของ OpenAI เริ่มให้บริการแล้วแก่ลูกค้าระดับ ChatGPT Plus และ Teams ส่วนลูกค้าในกลุ่มบริษัทและสถาบันการศึกษาจะเริ่มใช้งานได้ในสัปดาห์หน้า 

OpenAI บริษัทผู้พัฒนาแชตบอตเอไอ เริ่มให้บริการ Advanced Voice Mode (AVM) หรือ “ฟีเจอร์สั่งและตอบด้วยเสียง” แก่ผู้ที่เป็นสมาชิกของ ChatGPT อย่างเป็นทางการแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าที่ใช้ได้ตอนนี้อยู่ในระดับ ChatGPT Plus และ Teams ส่วนลูกค้าในกลุ่มบริษัท (Enterprise) และสถาบันการศึกษา (Edu) จะเริ่มใช้งานได้ในสัปดาห์หน้า

แต่ทั้งนี้ ยังมีบางภูมิภาคที่ยังไม่สามารถใช้บริการดังกล่าวได้ ได้แก่ สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และลิกเตนสไตน์

Advanced Voice Mode เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การสนทนากับ ChatGPT เป็นธรรมชาติมากขึ้น ผ่านการโต้ตอบด้วยเสียงแบบเรียลไทม์ ในแถลงการณ์ฉบับเก่าเมื่อเดือนพฤษภาคม OpenAI กล่าวว่า ฟีเจอร์นี้โต้ตอบรวดเร็วคล้ายมนุษย์คุยกัน รองรับได้มากถึง 50 ภาษา

OpenAI เริ่มให้บริการฟีเจอร์ ‘สั่ง-ตอบด้วยเสียง’ แก่สมาชิก ChatGPT

ฟีเจอร์ใหม่มีอะไรบ้าง?

  1. ดีไซน์ใหม่: แทนที่จุดสีดำด้วยทรงกลมสีฟ้าเคลื่อนไหวได้
  2. เสียงใหม่ 5 เสียง: Arbor, Maple, Sol, Spruce และ Vale รวมเป็น 9 ตัวเลือกเสียง
  3. ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น: นอกจากการพูดคุยได้แล้ว OpenAI ยังทำให้ AVM น่าใช้มากขึ้นด้วยการเพิ่มเสียงพูดใหม่ๆ ให้เลือกถึง 5 เสียง รวมกับที่มีอยู่เดิมเป็น 9 เสียง แต่ละเสียงมีชื่อเรียกตามธรรมชาติ เช่น Maple (เมเปิล), Sol (โซล) ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกเสียงที่ชอบได้
  4. Custom Instructions: ปรับแต่งการตอบสนองของ ChatGPT ให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้
  5. Memory: ChatGPT สามารถจดจำบทสนทนาเพื่อใช้อ้างอิงในภายหลัง

ข้อจำกัดและความปลอดภัย

  1. ไม่สามารถร้องเพลงได้ เนื่องจากเคารพลิขสิทธิ์ของศิลปิน
  2. มีการจำกัดเวลาใช้งานต่อวัน แต่ยังไม่มีการระบุเวลาที่แน่นอน
  3. ผู้ใช้สามารถปิดการแชร์ข้อมูลเสียงเพื่อพัฒนาระบบได้ในส่วนการตั้งค่า 

ความคืบหน้าและอนาคต

แม้ว่า OpenAI จะยังไม่ได้เปิดตัวฟีเจอร์วิดีโอและการแชร์หน้าจอที่เคยสาธิตไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม แต่บริษัทยังคงพัฒนาและปรับปรุง Advanced Voice Mode อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้การสนทนากับเอไออย่างเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี การเปิดตัว Advanced Voice Mode ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ OpenAI ในการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอให้เข้าถึงผู้ใช้งานได้ง่ายขึ้น และคาดว่าจะมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้

อ้างอิง: OpenAI, MIT และ Techcrunch