อุปกรณ์ล่าไก่! รู้จัก 'realme 13 Series' มือถือสำหรับแฟนเกม PUBG MOBILE

ปังไม่หยุด! ล่าสุด realme เปิดตัว realme 13 Series สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล Number Series ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมขึ้นแท่น “ผู้นำด้านเกมมิ่งสมาร์ตโฟน (Gaming Dominator)” ด้วยการอัปเกรดประสิทธิภาพขั้นสุดระดับ ULTRA ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ ULTRA POWER ด้วยซีพียูตัวท็อปของเซกเมนต์, ULTRA FAST ระบบชาร์จเร็วทันใจ และ ULTRA COOL ระบบระบายความร้อนใหม่ล่าสุด เมื่อผสานการทำงานนี่จึงเป็นสมาร์ตโฟนอันยอดเยี่ยมในราคาเข้าถึง โดย realme 13 Series 5G มีให้เลือก 2 รุ่น ทั้ง realme 13+ 5G และ realme 13 5G

KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปรู้จัก realme 13 Series อย่างรอบด้าน ดูกันว่าเพราะอะไรสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จึงเป็นหนึ่งในเกมมิ่งสมาร์ตโฟนที่ดีจนได้คอลแลบกับเกม PUBG MOBILE

ชิปแรง แซงทุกรุ่นในเซกเมนต์เดียวกัน

"realme 13+ 5G" เป็นสมาร์ตโฟนกลุ่มแรกๆ ที่ใช้หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 7300 Energy 5G ซึ่งมอบประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วยคะแนน AnTuTu กว่า 750,000 ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน จึงใช้พลังงานต่ำแต่ยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมในอัตราเฟรมสูงได้อย่างเสถียรและราบรื่น มาพร้อมเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) ของเรียลมีที่ทันสมัยที่สุดในอุตสาหกรรม ทำให้เพิ่ม RAM สูงสุด 12GB + 14GB ที่ 26GB มอบความเร็วในการเปิดและเรียกการทำงานของแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว

เฟรมเรทเสถียร 90fps นาน 7 ชั่วโมง ด้วย GT Mode

GT Mode ใน "realme 13+ 5G" รองรับ 6 เกมหลัก ได้แก่ PUBG MOBILE, BGMI, Free Fire, MLBB, HOK(120FPS) และ COD ถือเป็นมือถือเครื่องแรกในเซกเมนต์ที่มีความสามารถนี้ โดย GT Mode จะคงอัตราเฟรมที่ 90fps ได้นานสูงสุด 7 ชั่วโมง (สำหรับเกม MLBB และ FreeFire) นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับฟีเจอร์ GT Gaming ให้เราปรับความถี่ CPU และ GPU ที่เหมาะสมได้ตลอดเวลา และยังมี Game Filters ที่ช่วยเพิ่มคอนทราสต์ ความอิ่มตัวของสี ความคมชัด และมอบเอฟเฟ็กต์ภาพที่สวยงาม ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นศัตรูในระหว่างการเล่นเกม และยังมีโหมดอื่นๆ ให้เลือกใช้งานตามลักษณะเกมได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ไม่ร้อน ชาร์จเร็ว

"realme 13+ 5G" มาพร้อมกับ Stainless Steel Vapor Cooling System มีพื้นที่ระบายความร้อนมากถึง 6,050 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์และใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 37 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เทคโนโลยีและวัสดุระบายความร้อนแบบเดียวกับรุ่นแฟล็กชิปอย่าง GT6 เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน eSports อย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมคุณสมบัติการชาร์จไว 80W Ultra Charge อันน่าประทับใจ เมื่อชาร์จ 5 นาทีจะทำให้เล่นเกมได้เต็มชั่วโมง มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ตอบโจทย์เกมเมอร์ตัวจริงที่ไม่ต้องการชาร์จมือถือบ่อย

จอ OLED 120Hz ชัดใสไหลลื่น

"realme 13+ 5G" มาพร้อมจอแสดงผล OLED E-sport 120Hz ที่ไม่เพียงมอบคุณภาพการแสดงผลที่สดใส แต่ยังไวต่อการทัชสกรีนด้วย Touch Sampling Rate แบบเทอร์โบชาร์จ 1200Hz มอบมุมมองกว้างด้วยพาแนลแบบ Pro-XDR และลำโพงคู่สเตอริโอ เพิ่มประสบการณ์การรับชมของคุณให้ดื่มด่ำล้ำลึกยิ่งขึ้น

กล้องดี มี AI

"realme 13+ 5G" ใช้เซนเซอร์กล้อง Sony LYT-600 OIS ความละเอียด 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.95” พร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS รองรับวิดีโอ 4K และยังมาพร้อมคุณสมบัติ Light Fusion Engine ไม่ว่าจะเป็นฉากกลางคืนหรือภาพถ่าย HDR ก็ให้คุณภาพไฟล์ดีเยี่ยม

ที่สำคัญมือถือรุ่นนี้มีฟีเจอร์ AI มากมายที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น อาทิ ฟีเจอร์ AI Clear Voice ซึ่งใช้เทคโนโลยีการจดจำเสียงด้วย AI ขั้นสูง ช่วยแยกแยะและขยายเสียงของมนุษย์ในระหว่างการคุยสาย จึงมั่นใจได้ว่าคุณจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง และยังมีคุณสมบัติ AI ต่างๆ อีกมากมายที่จะทำให้ realme 13+5G ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

ดีไซน์แห่งชัยชนะ

ตัวเครื่อง "realme 13+ 5G" ออกแบบในคอนเซปต์ Victory Speed Design ได้รับแรงบันดาลใจจากคีย์เวิร์ด “Victory” และ “Speed” จากเกมแข่งรถ โดยนำแนวคิดนี้มาเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพเร็วแรงเข้าด้วยกัน และยังคงรักษางานออกแบบตัวเครื่องที่บางเฉียบด้วยความหนาเพียง 7.69 มม. น้ำหนักเพียง 185 กรัม

นอกจากนี้ ยังมีความทนทานเป็นพิเศษ ด้วยระดับการป้องกันน้ำและฝุ่นที่ IP65 พร้อมการเสริมโครงสร้างทั้ง 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ กรอบอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป โครงโลหะแบบชิ้นเดียว กระจกนิรภัย และการเคลือบผิวให้ทนทานต่อการสึกหรอและการกัดกร่อนสูง

realme 13 5G น้องเล็ก สเปกไม่เบา

มาถึงน้องเล็กของซีรีส์อย่าง "realme 13 5G" ก็ยังมาพร้อมสเปกที่ไม่ธรรมดา เช่น ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 5G ซึ่งมีคะแนนมาตรฐาน AnTuTu สูงถึง 460,000 ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยแกนประมวลผล A76 อันทรงพลังซึ่งมีค่าโอเวอร์คล็อกสูงสุด 2.4GHz ซึ่งสูงกว่ามือถือคู่แข่งถึง 10 เปอร์เซ็นต์

หรือการที่ realme 13 5G ก็มาพร้อม GT Mode คล้ายกับรุ่นพี่ ที่จะมอบเฟรมเรตแบบนิ่งๆ ที่ 60fps ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การปรับแต่งพลังงาน การเปิดเกมได้อย่างรวดเร็ว ตัวแทร็กสัญญาณ Wi-Fi และฟิลเตอร์ต่างๆ พร้อมจอแสดงผลแบบ Eye Comfort 120Hz ความละเอียด FHD+ ที่ให้ภาพที่ราบรื่น ลดการเกิดภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว มาพร้อมลำโพงสเตอริโอคู่ที่มีเวทีเสียงกว้าง ช่วยให้เกมเมอร์สามารถระบุตำแหน่งศัตรูในเกมอย่าง PUBG และ Call of Duty ได้อย่างแม่นยำ

เรื่องการระบายความร้อน "realme 13 5G" มีระบบระบายความร้อนที่ใช้ Stainless Steel Vapor Cooling System เช่นเดียวกับ realme 13+5G โดยมีพื้นที่ระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในระดับราคาเดียวกันที่ 2,249 ตารางมิลลิเมตร จับคู่กับเทคโนโลยีการกระจายความร้อนแบบหมุนเวียนสองทิศทาง

นอกจากนี้ realme 13 5G ยังมีแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh และระบบการชาร์จเร็ว 45W จึงใช้งานได้นานขึ้น ชาร์จได้เร็วขึ้น โดยเมื่อชาร์จไฟเต็มจะเล่นเกม Free Fire ต่อเนื่องได้นานถึง 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องกล้องก็มาแบบพร้อมใช้งานด้วยความละเอียดกล้อง 50MP OIS ทำให้เราจับภาพช่วงเวลาประทับใจต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ด้วยคุณภาพระดับภาพยนตร์ โดยเป็นมือถือรุ่นแรกๆ ในกลุ่มที่บันทึกวิดีโอระดับ 2K พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) ได้

ราคาและการจำหน่าย

• realme 13+ 5G สเปกความจุ 512/12GB ราคา 13,999 บาท ( https://s.shopee.co.th/8KXb5wYttt? )
• realme 13+ 5G สเปกความจุ 256/12GB ราคา 11,999 บาท ( https://s.shopee.co.th/8KXb5wYttt? )

มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Victory Gold และ Dark Purple

• realme 13 5G สเปกความจุ 256/12GB ราคา 8,999 บาท ( https://s.shopee.co.th/50H97k9kLg? )

มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Speed Green และ Dark Purple

พรีออเดอร์ได้ทุกช่องทางตั้งเเต่วันนี้ - 24 ตุลาคมและจำหน่ายวันแรกวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป