ไปรษณีย์ไทย เร่งสปีดขนส่ง-โลจิสติกส์ หวังเติมเต็มเซอร์วิสดิจิทัลทุกมิติ
ปณทเปิดรายได้ 9 เดือนแรก ทะยาน 15,858 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้จบได้ 21,000 ล้านบาท เดินเครื่องหารายได้จากดิจิทัล เซอร์วิส มองน่านน้ำใหม่ Virtual bank โอกาสทำธุรกิจ หากเข้าวินได้ใบอนุญาตจากแบงก์ชาติ ช่วยประชาชนทำธุรกรรมฝากถอนเงินได้ที่ปณ.สาขาทั่วประเทศได้ทันที
ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2567 (ม.ค.- ก.ย.) ไปรษณีย์ไทย ทำรายได้รวม 15,858.67 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท ส่วนจะมีกำไรเหมือนปีที่ผ่านมา ที่ทำได้ 78 ล้านบาทหรือไม่นั้น ยังต้องพิจารณาเรื่องรายจ่ายอื่นๆด้วย จึงยังไม่สามารถระบุได้
โดยกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูงสุดคือกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ พร้อมเผยปริมาณงานธุรกิจขนส่งในประเทศปี 2567 มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะบริการ ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ที่เติบโตราว 8.07%
ทั้งนี้ ระหว่างเดือน ม.ค. - ก.ย. ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มงานต่าง ๆ ได้แก่
- กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์ 46.48%
- กลุ่มบริการไปรษณียภัณฑ์ 34.54%
- กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 12.14%
- กลุ่มบริการค้าปลีกและการเงิน 4.48%
- กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ 0.85%
- รายได้อื่น ๆ 1.15%
เขา ระบุว่า ปริมาณงานธุรกิจขนส่งในประเทศ 2567 เปรียบเทียบกับ 2566 มีการเติบโตอย่างน่าสนใจซึ่งเป็นผลจากเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของภาพรวมงานบริการ-โซลูชันที่ไปรษณีย์ไทยได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ของของลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งปรากฏว่าบริการพัสดุไปรษณีย์ในประเทศเติบโตที่ 18.45% สะท้อนถึงการได้รับความเชื่อมั่นจากคนไทย ยืนยันด้วยผลสำรวจความเชื่อมั่นในแบรนด์ไปรษณีย์ไทย 2567 สูงถึง 91.87%
เราอยู่มานานกว่า 100 ปี การรีเฟรชแบรนด์ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ถ้าผู้บริโภครู้สึกว่าไปรษณีย์ไทยเปลี่ยนไป และอยากส่งของกับเรา คือคำตอบว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว
ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในปี 2568 ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั้ง Physical และ Digital และระบบงานไปรษณีย์ร่วมกับพันธมิตรสร้างประโยชน์ในหลากมิติ ส่งผลให้มีบริการขนส่งที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศอย่างครบวงจร บริการทางการเงิน การส่งเสริมค้าปลีก การพัฒนาและสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับทุกความต้องการของลูกค้า โดยมี 4 กลยุทธ์สำคัญ คือ
1.เพิ่มมูลค่า สร้างความแตกต่าง ไปรษณีย์ไทยจะขยายขอบเขตบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริการระหว่างประเทศ เช่น พัฒนาระบบงานคลังสินค้าครบวงจร บริการ document warehouse พัฒนาการขนส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA พัฒนาการขนส่งสินค้าแบบ Virtual Address
2.ปรับธุรกิจบริการดิจิทัล รองรับการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจและสังคม สนับสนุนส่งเสริมธุรกิจอื่น ๆของไทยให้เติบโตตามแนวทาง Connecting- the -dots นำสิ่งที่ทุกคนต้องการเชื่อมโยงได้ด้วยทรัพยากรที่โดดเด่นของไปรษณีย์ไทย เช่น Prompt POST ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร ที่มีจุดเด่นทั้ง Digital Postbox ตัวกลางในการรับส่งเอกสารหรือข้อมูลออนไลน์ระหว่างหน่วยงานกับหน่วยงาน และหน่วยงานกับประชาชน ปลอดภัยจากสแปม อีกทั้ง ยังทำให้จดหมายทุกฉบับสามารถมั่นใจได้ว่ามาจากบุคคลและองค์กรตัวจริง จากการรองรับการยืนยันตัวตน
ในระบบที่เชื่อถือได้ D/ID ซึ่งเป็น Post ID ส่วนบุคคลที่จะมีการเริ่มใช้จริงต้นปี 2568 ด้วยระบบ QR CODE ที่จะเป็นทางเลือกการจ่าหน้า ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างการจัดส่งสิ่งของ ล้ำกว่าระบบพิกัดตำแหน่งทั่วไปด้วยการบอกพิกัดแนวดิ่งได้ทำให้สามารถระบุที่อยู่สำหรับผู้ที่อยู่ในอาคารสูงได้และเมื่อผู้ใช้งานมีการแก้ไขข้อมูลที่อยู่ในระบบ D/ID ข้อมูลที่อยู่ซึ่งเดิมไว้ใช้ติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ไปยังหน่วยงานปลายทางโดยอัตโนมัติ
"เราจะใช้บุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ การเก็บข้อมูล รับส่งสิ่งของแบบ Point to Point เชื่อมโยงความต้องการกับแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส ที่จะให้บริการ Virtual bank สินเชื่อกับประชาชน หากได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะสามารถทำธุรกรรมฝากถอนเงินได้ที่สาขาของไปรษณีย์ทั่วประเทศได้"
3.ออกแบบบริการเฉพาะกลุ่ม เช่น บริการไปรษณีย์ตอบรับในประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-AR) บริการ Pick up Service สำหรับกลุ่ม e-marketplace ขยายจุด Drop Off ผ่านเครือข่ายพันธมิตร
4.เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ สร้างความสัมพันธ์กับผู้ใช้บริการ สร้างประสบการที่ดีกับไปรษณีย์ไทย เช่น ระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ร้าน POST Café เป็นพื้นที่ Cups of Connection ให้ทุกคนได้มาพบปะ และทำกิจกรรมร่วมกันในบรรยากาศที่เป็นกันเอง