'AI Transformation' จาก 3 กูรูเอไอ โอกาสและความท้าทายของธุรกิจไทย

ไขรหัส AI ขุมพลังแห่งอนาคต โอกาสทองที่ธุรกิจไทยไม่ควรมองข้ามในยุคดิจิทัลแห่งการเปลี่ยนแปลง จากมุมมองของ 3 กูรูเอไอ
KEY
POINTS
- ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามเห็นพ้องต้อง
เจาะลึกแนวโน้ม โอกาส และความท้าทายของการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในบริบทของธุรกิจไทยจาก 3 กูรูด้านเอไอ ได้แก่ วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Impact Mind AI และ Insiderly.ai, ดร.ภมรพล ชินะจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเจ็น จำกัด และจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) (Alisa AI)
วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจในศักยภาพที่แท้จริงของ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของธุรกิจไทย เขากล่าวว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยลดต้นทุนหรือเพิ่มประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด อย่างไรก็ตาม เขาชี้ให้เห็นว่า การนำ AI มาใช้อย่างประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในข้อมูล (Data) อย่างลึกซึ้ง รวมถึงการมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาและจัดการระบบ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงประเด็นเรื่องจริยธรรมและความรับผิดชอบในการใช้งาน AI ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ
"ผมยกตัวอย่างคอนเซปต์ที่ใหม่มากๆ เลย คือเรื่องของ vibe marketing ไม่แน่ใจว่าช่วงเช้ามีใครพูดถึงหรือเปล่า ซึ่งมันเกิดมาจาก vibe coding ส่วน vibe coding คือการเขียนโค้ด แล้วก็ใช้เอไอในการสร้างสร้าง code นี้ขึ้นมา เราไม่จําเป็นต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม แบบภาษาต่างๆ แต่ว่าเราสร้างแอปพลิเคชันได้ โดยที่เราคุยกับเอไอต่างๆ เนี่ย เราใส่คําสั่งเข้าไปแล้วมันก็พ่นคําตอบมา vibe coding ก็คือการพิมพ์แล้วมันพ่นเป็นโค้ดออกมา generate เป็นไฟล์ออกมาแล้วก็กลายเป็นแอปพลิเคชันได้ หมายความว่าตอนนี้ Gap ของคนที่เป็นโปรแกรมเมอร์ที่เป็นมือฉมังกับโปรแกรมเมอร์มือจูเนียร์ มันขยับใกล้ๆ กันมากขึ้น...
...สตาร์ทอัพเมืองนอก ตอนนี้เริ่มทดลองการปรับใช้กับทีมมาร์เกตติง ปกติทีมมาร์เกตติงเนี่ย มันจะมีก็อปปี้ไรท์ติ้งใช่ไหมครับ คนเขียนคนยิงแอด ดูรีพอร์ตตัดต่อกราฟิก วางแผนยิงโค้ด ต่างๆ เป็นสิบคน สมมติเขาบอกว่าตอนนี้ vibe marketing เนี่ยคนเดียว แทนสิบคนนี้ได้"
ด้าน ดร.ภมรพล ชินะจิตร ได้ฉายภาพถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Natural Language Processing (NLP) และ Computer Vision ซึ่งได้เข้ามาปฏิวัติวิธีการทำงานและการให้บริการในหลายภาคส่วน เขายกตัวอย่างการนำ AI ไปใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การปรับปรุงกระบวนการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่มีความชาญฉลาดและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
"ผมอยากจะมาแชร์ให้ฟัง คือเรื่องของการทําเวิร์คโฟลว์ออโตเมชั่นนะครับ หลายธุรกิจน่าจะต้องมีหลายบิสเนสโพรเซสอะไรสักอย่าง การจัดการเอกสาร ข้อมูลเหล่านี้เข้ามาแล้วจะตัดสินใจว่าอย่างไร อย่างกรณีของประกันเนี่ยก็จะมีเรื่องตั้งแต่ว่า submit เอกสาร เอกสารในการทําเคลมประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่ เยอะมากมายมหาศาลมาก"
ขณะที่ จรัญพัฒณ์ บุญยัง ได้นำเสนอมุมมองจากฝั่งผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ที่ได้มีการนำ AI มาประยุกต์ใช้อย่างจริงจังในธุรกิจของตนเอง เขาเล่าถึงประสบการณ์และความท้าทายต่างๆ ที่ได้พบเจอ ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ไปจนถึงการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร
จรัญพัฒณ์กล่าวว่า การนำ AI มาใช้นั้นไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร และทักษะของบุคลากรให้สอดคล้องกับการทำงานร่วมกับ AI นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจในเทคโนโลยี AI ให้กับพนักงานและลูกค้า เพื่อให้การนำ AI ไปใช้นั้นได้รับการยอมรับและเกิดประโยชน์สูงสุด
"ตัวอย่างที่น่าสนใจอันหนึ่งคือเรื่องของการแปลภาษา เดิมทีเราจะคิดว่าการแปลภาษานิยาย เอไอไม่น่าจะแปลนิยายได้ ถ้าแปลเอกสารราชการหรือแปลเอกสารที่มันเป็นทางการ อาจจะง่ายกว่า เพราะว่านิยายมีเรื่องทั้งศัพท์เฉพาะก็เยอะ แล้วก็เรื่องของสํานวนที่จะต้องสละสลวย แต่ยูสเคสจริงๆ สมมติว่า ปกตินักแปลคนหนึ่ง เขาอาจจะแปลนิยายได้แค่ว่าวันละ 2 ตอน บริษัทอาจจะมีต้นทุนในการแปลภาษานิยายปีละ 20 ล้านบาท เป็นต้น แต่ที่เกิดขึ้นคือเอไอแปลนิยายได้ประมาณ 23 เท่า หมายความว่าเขาประหยัดไป 10-15 ล้าน ต้นทุนหายเลยนะ คือมันเป็นเรื่องของการเริ่มต้น แต่ก็อาจจะมีสเต็ปต่อไปที่ควรจะทําในเรื่องของการปรับใช้เอไอในองค์กรครับ"
อีกสิ่งสำคัญที่จรัญพัฒณ์บอกว่าจะมองข้ามไม่ได้ คือการมองหา Pain Point หรือปัญหาที่แท้จริงของธุรกิจ และพิจารณาว่า AI เข้ามาช่วยแก้ไขหรือปรับปรุงได้อย่างไร พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและข้อมูล เพื่อรองรับการใช้งาน AI ในระยะยาว
จากบทสนทนาของ 3 กูรูเอไอ เห็นได้ชัดว่าเอไอกำเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้ก้าวหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความท้าทายที่องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุนในเทคโนโลยีและบุคลากร การทำความเข้าใจในข้อมูล การปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน และการคำนึงถึงประเด็นด้านจริยธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า โอกาสที่ AI จะนำมาสู่การเติบโตและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับธุรกิจไทยนั้นมีอยู่อย่างมหาศาล หากองค์กรต่างๆ ปรับตัวและนำ AI มาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาดและเหมาะสมกับบริบทของตนเอง