'บิล เกตส์' มอง 'ปัญญาประดิษฐ์' | ไสว บุญมา

'บิล เกตส์' มอง 'ปัญญาประดิษฐ์' | ไสว บุญมา

บิล เกตส์ทั้งเห็นด้วยและเห็นต่างกับผู้ที่วิตกว่าปัญญาประดิษฐ์จะสร้างผลกระทบร้ายแรงถึงขั้นจับมนุษยชาติเป็นทาสของมัน หรือร้ายยิ่งกว่านั้นทำลายล้างมนุษย์

เขาเห็นด้วยกับด้านการนำปัญญาประดิษฐ์ อันเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาใช้ อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อมนุษยชาติ  แต่เขาแย้งว่าเราไม่ควรวิตกเกินไปนัก เนื่องจากเราจะสามารถควบคุมผลกระทบของมันได้ ดังที่เราเคยทำมาแล้วกับเทคโนโลยีใหม่ในอดีต

บิล เกตส์มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาหลายทศวรรษ  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแสดงมุมมองเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ออกมาในรูปของบันทึก ซึ่งเขาทำเป็นประจำในเว็บไซต์ www.gatesnotes.com   เขาแยกประเด็นออกเป็น 6 หัวข้อหลักได้แก่

(1) การกระจายวีดิทัศน์และเสียงที่สร้างขึ้นได้เหมือนจริง โดยปัญญาประดิษฐ์อาจมีผลร้ายถึงขั้นทำลายการเลือกตั้งและการปกครองระบอบประชาธิปไตย  ในปัจจุบัน มีนักการเมืองถูกใส่ร้ายโดยการกระจายวีดิทัศน์เท็จที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์แล้ว  การกระทำแบบนี้จะมีมากขึ้นซึ่งอาจบิดเบือนผลการเลือกตั้งได้  

อย่างไรก็ดี บิล เกตส์ไม่วิตกมากนักเนื่องจากเขาเห็นว่า ประชาชนทั่วไปรู้ทันการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นและเราจะใช้ปัญญาประดิษฐ์ดักจับเรื่องเท็จได้

    (2) ปัญญาประดิษฐ์ช่วยคนชั่วให้ทำร้ายบุคคลและรัฐบาลได้ง่ายขึ้นแน่  แต่บิล เกตส์มองว่าฝ่ายดีก็ต้องพยายามเพิ่มความสามารถของการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อต่อสู้ฝ่ายใจชั่ว ไม่ใช่กลัวปัญญาประดิษฐ์แล้วหยุดพัฒนามัน  สำหรับในระดับรัฐบาลซึ่งกำลังแข่งขันกันพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นอาวุธ

เขามองว่ามีสนธิสัญญาว่าด้วยอาวุธนิวเคลียร์เป็นแนวปฏิบัติอยู่แล้ว  สนธิสัญญานั้นป้องกันสงครามนิวเคลียร์ได้มานาน รัฐบาลต่าง ๆ จึงต้องตกลงกันเรื่องการจำกัดการใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นอาวุธด้วย

(3) ปัญญาประดิษฐ์ทำให้คนตกงาน ซึ่งบิล เกตส์แทบจะมองเป็นตรงกันข้าม นั่นคือ มันจะทำให้การทำงานของคนเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ  จริงอยู่ผู้ทำงานบางอย่างจะได้รับผลกระทบสูงมาก เมื่อปัญญาประดิษฐ์สามารถทำงานแทนได้

แต่เขามองว่าผลกระทบโดยรวมจะน้อยกว่าในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม เมื่อเครื่องจักรกลเข้ามาทำงานแทนคนได้อย่างกว้างขวาง  ในยุคนั้น ทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนสามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องจักรแย่งงานของคนได้  ในยุคนี้ก็เช่นกัน ทั้งรัฐบาลและภาคเอกชนจะแก้ปัญหาได้หากใส่ใจจริง

    (4) ปัญญาประดิษฐ์มีอคติและให้คำตอบซึ่งประกอบด้วยเรื่องเท็จ  บิล เกตส์ยอมรับว่าปัญหานี้มีจริงเนื่องจากผู้สร้างโปรแกรมที่พูดคุยกับเราได้โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (chatbot) ใส่อคติของตนเข้าไปและข้อมูลที่โปรแกรมนั้นใช้เพื่อค้นหาคำตอบให้เรามีอคติแฝงอยู่  

นอกจากนั้น โปรแกรมที่เราพูดคุยด้วยอาจไม่เข้าใจบริบทและโจทย์ที่เราต้องการคำตอบ  เขามองว่าปัญหาในแนวนี้จะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อปัญญาประดิษฐ์พัฒนาต่อไปและเราเองตระหนักในอคติที่ปรากฏอยู่ในคำตอบและของตัวเราเองด้วย   

 (5) นักเรียนจะเขียนไม่เป็นเพราะใช้ปัญญาประดิษฐ์เขียนแทน  เรื่องนี้บิล เกตส์มองว่าคล้ายเมื่อหลายสิบปีก่อนเมื่อเครื่องคิดเลขอีเล็กทรอนิกส์เริ่มแพร่หลาย  ตอนนั้นมีความวิตกว่าเด็กจะคิดเลขไม่เป็น แต่มันไม่เกิดขึ้นเพราะครูรู้จักใช้เครื่องคิดเลขในการเรียนการสอน  

ตอนนี้ก็เช่นกัน ครูที่มีความสามารถในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ได้นำมันเข้าไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอนจนได้ผลดีเป็นที่ประจักษ์แล้ว  

โจทย์หลักจึงอยู่ที่จะทำอย่างไรครูจึงจะรู้จักใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างทั่วถึง และจะสร้างโปรมแกรมบนฐานของการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างไร จึงจะทำให้นักเรียนสนใจในวิชาที่ตนไม่เคยสนใจมาก่อน  หากทำได้ ความเหลื่อมล้ำในการศึกษาจะลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญ


    (6) สิ่งที่ควรทำต่อไป  เพื่อให้มั่นใจได้ว่าปัญญาประดิษฐ์จะมีประโยชน์เหนือโทษ บิล เกตส์เสนอให้หลายฝ่ายใส่ใจและทำหน้าที่ของตนอย่างจริงจังทั้งรัฐบาล ผู้นำทางการเมือง บริษัทห้างร้านและประชาชน  ต้องตั้งกฎเกณฑ์และตรากฎหมายใหม่พร้อมกับปรับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วอย่างเหมาะสม

   บิล เกตส์มักมีข้อคิดดี ๆ และมีมุมมองที่โน้มไปในทางบวกเสมอ  อย่างไรก็ดี ในกรณีของปัญญาประดิษฐ์อาจมีผู้ติงว่าเขาไม่น่าจะวางตัวเป็นกลางและมองอย่างตรงไปตรงมาได้ เนื่องจากกิจการแสวงหากำไรของเขาทุ่มทุนนับหมื่นล้านดอลลาร์สนับสนุนการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์