"สนามกอล์ฟออร์แกนิก" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

"สนามกอล์ฟออร์แกนิก" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

"สยามคันทรีคลับ แบงคอก“ (SCCB) เตรียมประกาศตัวเป็นสนามกอล์ฟออร์แกนิกแห่งแรกของไทย หลังการวิจัยร่วมกับ สจล. หวังดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ ทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับธุรกิจสนามกอล์ฟ

โดยทั่วไปสนามกอล์ฟใช้เนื้อที่ในการสร้าง 500-1,000 ไร่ ปลูกด้วยหญ้านานาสายพันธุ์แตกต่างกันไป แต่ละสนามออกแบบความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ที่มาใช้บริการ 

การดูแลสภาพของสนามให้อยู่ในสภาพสวยงามจึงเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นต้องใช้สารเคมีทางเกษตร

เมื่อสนามกอล์ฟมีเนื้อที่ขนาดใหญ่ การใช้สารเคมีจึงต้องใช้ในปริมาณมาก ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและสุขภาพของผู้ที่มาใช้บริการและผู้ที่ให้บริการ เช่น พนักงานถือถุงกอล์ฟ ที่ต้องสัมผัสกับพื้นสนามที่มีการใช้สารเคมี 

ชีวภัณฑ์จุลินทรีย์เพื่อโลก

รศ.เกษม สร้อยทอง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (RIMOA KMITL) กล่าวถึงความสำเร็จในการทำวิจัย “สนามกอล์ฟออร์แกนิก” โดยใช้ชีวภัณฑ์และนวัตกรรมของ สจล. พบว่า สารอาหารในดินเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และปริมาณโลหะหนักต่างๆ ถูกย่อยสลายและลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

ผลดีที่ได้รับจากการปรับปรุงความเป็นกรด-ด่างของดิน จากเดิมค่าความเป็นกรด ph2-3 ได้ปรับตัวมาเป็นกลาง ph6 -6.5 ภายในเวลา 3 เดือน ผลการตรวจสอบบ่งชี้ว่า ไม่พบสารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง ไนเตรต หลังเข้าทำการปรับปรุงสนามด้วยชีวภัณฑ์ 

ความสำเร็จนี้จะนำไปต่อยอดกับธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็นออร์แกนิก กิน-อยู่-เที่ยว-เล่น ต่อไป เช่น สวนผักผลไม้ ฟาร์ม รีสอร์ต แหล่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า สวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา โรงเรียน ชุมชนหมู่บ้าน เป็นต้น

\"สนามกอล์ฟออร์แกนิก\" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

สำหรับ 3 ผลงานวิจัยนวัตกรรมเด่นที่ สจล. คิดค้นเพื่อโลกปลอดสารพิษ ได้แก่ 1.สารอินทรีย์ปรับปรุงสภาพดินและย่อยโลหะหนัก เพื่อเร่งการฟื้นฟูสนามหญ้าจากโรคพืช พร้อมทั้งกระตุ้นความสมบูรณ์ให้กับสนามหญ้า

2.นาโนอิลิซิเตอร์ (Nano-Elicitor) เป็นนาโนเทคโนโลยีจากสารออกฤทธิ์จุลินทรีย์เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่พืช

“คีโตเมี่ยม” ผลงานวิจัยยาเชื้อป้องกันกำจัดโรคพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ปุ๋ยอินทรีย์ คิงฟาร์เมอร์, นิวทริ-ครอป จุลินทรีย์เพิ่มผลผลิต (Nutri-crop), บอทเอฟ ป้องกันโรคพืช (Bot-F),

ไบโออินเส็ก จุลินทรีย์กำจัดแมลง สารสร้างภูมิคุ้มกันแมลง (Bio-insect), ยารากัวร์ (Ya-Ra-Gua) สารควบคุมแมลง, คีเท็ก (KETEK) กระตุ้นการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต และจุลินทรีย์ปรับสภาพดิน

\"สนามกอล์ฟออร์แกนิก\" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

3. “การรับรองเกษตรอินทรีย์โดย สถาบัน AATSEA-KMITL” ตามมาตรฐานสากล สจล.เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการจนถึงเกษตรกรในทุกระดับ สนับสนุนการตรวจสอบ การวัดประเมินผล และการรับรองเกษตรกร พื้นที่การเกษตร ไปจนถึงผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดจากเกษตรกรที่มีผลกระทบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ

ผลกระทบทางภูมิสังคม และผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ตั้งแต่เกษตรกรรายย่อยจนถึงเครือข่ายการเกษตรขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยและต่างประเทศ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตและการบริโภคผลผลิตทางการเกษตร

อาทิ การให้เกษตรกรเลิกใช้สารกำจัดแมลงและศัตรูพืช เปลี่ยนการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยชีวภาพ หรืออินทรียวัตถุ และการใช้นวัตกรรมจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มมวลชีวภาพให้แก่ธาตุในดิน รวมทั้งการฝึกอบรมส่งเสริมและสร้างกำลังคนผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่สำหรับประเทศไทย

\"สนามกอล์ฟออร์แกนิก\" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

นอกจากนี้ สถาบันฯ ได้ขยายความร่วมมือด้านเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่กับต่างประเทศ อาทิ การร่วมวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับประเทศฟินแลนด์ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศอินเดีย จีนและฟิลิปปินส์ เป็นต้น

อีกทั้งร่วมมือทางวิชาการและวิจัยกับประเทศในกลุ่มสมาชิกของ “สมาคมเทคโนโลยีการเกษตรแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (AATSEA) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 18 ประเทศ ในการส่งเสริมสนับสนุนและช่วยเหลือการพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนการจัดทำเกณฑ์ตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ ที่เกษตรกรสามารถปฏิบัติได้จริง 

สจล.หนุนองค์ความรู้

\"สนามกอล์ฟออร์แกนิก\" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

รศ.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. กล่าวว่า ความผันผวนเปลี่ยนแปลงของโลกและมาตรการกฎระเบียบการค้าที่เข้มงวดต่อผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

จึงได้เวลาที่ประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญอันดับต้นๆ ของโลก จะต้องปรับตัวและเปลี่ยนผ่านเพื่อสอดรับกับความต้องการของตลาดนานาประเทศ

องค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ของ สจล.มีหลากหลาย และพร้อมสำหรับการยกระดับผลผลิตเกษตรอินทรีย์ปลอดภัยของไทยสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น 

ที่สำคัญคือเพื่อผลักดันความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และทำครัวไทยเป็นครัวโลกออร์แกนิกเพื่อสุขภาพดี 

ด้วยวิสัยทัศน์ สจล.ในความเป็นผู้นำนวัตกรรมระดับโลกเพื่อคนไทยและมนุษยชาติ เรามุ่งมั่นในการเป็นผู้นำความปลอดภัยจากสารพิษ สานพลังผู้ประกอบการขับเคลื่อนไทยสู่ 'ไลฟ์สไตล์สีเขียวและวิถีออร์แกนิก' (Green lifestyle, Organic Environment) สนับสนุนการพัฒนาองค์กรให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน (Sustainable)

\"สนามกอล์ฟออร์แกนิก\" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

สจล.จึงได้จัดตั้ง สถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ยุคใหม่ สจล. (KMITL Research Institute of Modern Organic Agriculture) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainability) เกี่ยวข้องกับ 'การผลิตอาหารปลอดภัยจากสารพิษ (Safety Food)' เพื่อสุขภาพของคนไทยและมนุษยชาติ และรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม 

โดยมีภารกิจหลักเพื่อวิจัย พัฒนา สร้างนวัตกรรม เผยแพร่องค์ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์ ส่งเสริมผู้ประกอบการและเกษตรกร ดำเนินการ 'การรับรองเกษตรอินทรีย์โดย สถาบัน AATSEA-KMITL' เพื่อนำไปสู่การผลิตและการตลาดอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ด้านเกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย

“สจล.มุ่งเน้นงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ในการทำเกษตรอินทรีย์และปัจจัยการผลิตในการทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะนำมาใช้ทดแทนสารเคมีทางการเกษตร วันนี้เราเริ่มต้นที่ธุรกิจสนามกอล์ฟออร์แกนิก เพราะอยากให้ทุกคนมีไลฟ์สไตล์ กิน อยู่ เที่ยว เล่น ที่ปลอดภัยไร้สารพิษ

\"สนามกอล์ฟออร์แกนิก\" โมเดลวิจัย สจล.เบิกทางสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์สุขภาพดี

สมชาย สืบบุญศรีพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามเอสเตท แอนด์ โค จำกัด ในกลุ่มสนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ กล่าวว่า อันตรายของสารเคมีจากการสัมผัสและติดตามตัวเสื้อผ้าไปสู่บ้านได้ กอล์ฟเป็นกีฬายอดนิยมและได้รับการยอมรับทั่วโลก

สยามคันทรีคลับ ซึ่งปัจจุบัน มี 5 แห่ง นับเป็นสนามกอล์ฟชั้นนำมาตรฐานโลกของไทยและอาเซียน เรามุ่งมั่นในการพัฒนาบริการและคำนึงถึงการมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่ผู้มาใช้บริการอย่างไม่หยุดนิ่ง เราจึงได้ร่วมมือกับ สจล. ริเริ่มทำวิจัย 'สนามกอล์ฟออร์แกนิก' ด้วยนวัตกรรมชีวภัณฑ์เป็นแห่งแรก

ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อผู้มาใช้บริการ ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พนักงาน รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมสีเขียวและธุรกิจที่เสริมความยั่งยืนแก่ประเทศโดยรวม.