ส่องแนวโน้ม Big Data ในองค์กรธุรกิจโลก
ในปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับเรื่อง Big Data จนทำให้การลงทุนในธุรกิจนี้เติบโตสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
มูลค่าตลาดของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Big Data เพิ่มขึ้นถึงเกือบแปดหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะเติบโตแตะสองแสนล้านเหรียญสหรัฐภายใน 3 ปีข้างหน้า
ข้อมูลจาก Startus Insights ระบุว่ากลุ่มธุรกิจหลัก 5 อันดับแรกที่นำเอา Big Data ไปใช้เพื่อทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์ม สร้างนวัตกรรมใหม่และสร้างช่องทางเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ
- กลุ่มธุรกิจด้านการตลาดและโฆษณา
- กลุ่มธุรกิจค้าปลีก
- กลุ่ม Fintech
- กลุ่มธุรกิจ Healthcare
- ลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ปัจจุบันจำนวนสตาร์ทอัพด้าน Big Data มีเพิ่มขึ้นถึงกว่า 5,400 บริษัททั่วโลก โดยกลุ่มใหญ่ที่สุดยังคงเป็นกลุ่มซอฟต์แวร์และกลุ่มที่พัฒนาเครื่องมือที่เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล โดยงินลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่มนี้มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Google และ Intel ที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ถือว่าเป็นสองบริษัทที่ลงทุนในสตาร์ทอัพกลุ่มนี้มากที่สุดโดยได้ลงทุนไปถึงกว่า 20 บริษัท
เจฟฟรีย์ มัวร์ นักเขียนและที่ปรึกษาองค์กรชั้นนำระดับโลกได้กล่าวไว้ว่า “องค์กรที่ไม่สามารถเก็บและนำเอา Big Data มาใช้ประโยชน์ได้เปรียบเหมือนกวางตาบอดหูหนวกที่กำลังเดินสะเปะสะปะอยู่บนทางด่วน”
ธุรกิจการตลาด ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจเฮลท์แคร์ เป็นสามกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่กำลังทรานส์ฟอร์มตัวเองสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้าและใช้เครื่องมือที่หลากหลาย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในถังข้อมูล เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็นคำตอบในหลายๆ เรื่อง
ตั้งแต่เรื่องการตลาดและการเพิ่มยอดขาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารซัพพลายเชน การสร้างนวัตกรรมใหม่ การพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กร และที่สำคัญที่สุดคือช่วยผู้บริหารในการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่ออนาคตองค์กร
Gartner บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำได้คาดเดาเทรนด์อนาคตว่า
1. ภายในปี 2026 75% ขององค์กรธุรกิจจะปรับตัวและทำ Digital Transformation เพื่อทำให้ระบบข้อมูลองค์กรทั้งหมดเชื่อมต่อกันและสร้าง Data-driven โมเดล
2. อีก 2 ปีข้างหน้าการลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน AI ที่มีแหล่ง Data set ขนาดใหญ่จะมีมูลค่าเกินกว่าหมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
3. องค์กรที่ส่งเสริมและพัฒนาทีมงานให้นำเอา Big Data มาใช้จะมียอดขายสูงกว่าองค์กรที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
4. 60% ของธุรกิจเฮลท์แคร์จะสามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data จนทำให้เกิดการวิจัยและพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
5. ระบบการศึกษาในโรงเรียนจะโฟกัสไปที่การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนข้อมูลให้เป็น Insights และเน้นการสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าเพื่อเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม
6. ในภาคการผลิตจะเกิดการขยายตัวของการใช้ IoT เพื่อเก็บข้อมูลและนำข้อมูลไปใช้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรทำให้ลดต้นทุนลงได้ถึง 40%
เมื่อ Big Data คือตัวแปรที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ความสามารถในการดึงเอา Insights ออกมาจากถังข้อมูลจำนวนมากเพื่อนำมาใช้งานจริง คือปัญหาหลักที่หลายองค์กรกำลังประสบอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลมักไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจและการบริหารองค์กร ในขณะที่ผู้บริหารองค์กรระดับกลางถึงบนก็ยังไม่เข้าใจถึงศักยภาพของ AI และเครื่องมือในการวิเคราะห์
องค์กรที่จะประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ทำให้คนสองกลุ่มนี้สามารถสื่อสาร พัฒนาทักษะและทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ.