AI กับโลกการบริหารธุรกิจในอีกสองปีข้างหน้า
เดือนที่ผ่านมามีข่าวการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ AI กันอย่างคึกโครม ทั้งฝั่ง OpenAI, Google และ Microsoft ยังไม่นับ Apple ที่มีข่าวว่าจะเปิดตัว iOS ใหม่พร้อมกับความสามารถด้าน AI
ถ้าได้ดูคลิปการเปิดตัวของ GPT-4o หรือ Astra หรือ Copilot+ PC จะเห็นถึงพัฒนาการและความน่าอัศจรรย์ของ AI ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าถ้าหลับยาวแล้วตื่นมาอีกทีในอีกสองปีข้างหน้า AI จะนำการเปลี่ยนแปลงสู่โลกการบริหารธุรกิจอย่างไรบ้าง
เลยได้ลองสอบถามทั้ง ChatGPT และ Gemini ดูว่าในสองปีข้างหน้า AI จะส่งผลกระทบต่อโลกการบริหารธุรกิจอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้ภาพที่พอจะเป็นภาพอุดมคติได้ โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประกอบไปด้วย
1. ด้านกลยุทธ์ - AI จะสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำให้เกิดมุมมองและทางเลือกใหม่ๆ ในการกำหนดกลยุทธ์ AI ยังสามารถพยากรณ์ออกมาได้ถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมลูกค้า การเคลื่อนไหวของคู่แข่งขัน นโยบายรัฐบาล รวมถึง Disruption ที่จะเกิดขึ้น
และจากความสามารถในการพยากรณ์ AI ทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างแม่นยำขึ้น
2. ด้านลูกค้า - AI จะทำให้ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับมีความเป็นส่วนบุคคลมากขึ้น (Hyper-Personalized) จากข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ AI จะสามารถวิเคราะห์ เข้าใจ รวมถึงพยากรณ์ต่อพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้ในแบบ Real-Time
ทำให้ธุรกิจนำเสนอสินค้า บริการ ประสบการณ์ หรือ กิจกรรมทางการตลาดที่มีความจำเพาะเจาะจงลูกค้าแต่ละคน สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ
3. ด้านการดำเนินงาน - ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตหรือบริการ AI จะทำให้กระบวนการทำงานทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ (Automation) มากขึ้น โดยเฉพาะงานที่มีความซ้ำซาก (Routine and Reptitive) ที่ AI จะเป็นคนทำแทน โรงงานจะเป็นโรงงานอัจริยะที่เครื่องจักรต่างๆ จะสามารถเชื่อมโยงและสื่อสารระหว่างกันได้มากขึ้น ทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพ
4. ด้านห่วงโซ่อุปทาน - AI จะวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปสู่การวางแผนต่างๆ ทั้งวางแผนการขนส่ง เส้นทาง การบริหารสินค้าคงเหลือ การจัดซื้อวัตถุดิบ การส่งสินค้า เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทำให้สามารถลดต้นทุนในด้านขนส่ง
5. ด้านองค์กร - งานบางอย่างอาจจะหายไปเพราะ AI แต่ขณะเดียวกันก็จะมีงานใหม่ๆ เกิดขึ้น ธุรกิจจะต้องมีการลงทุนเพื่อยกระดับทักษะและความสามารถของบุคลากรอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และจะต้องสร้างวัฒนธรรมที่เน้นการเรียนรู้และปรับตัวตลอดเวลา รวมทั้งทำให้คนสามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างราบรื่น
6. ด้านผู้บริหาร - AI ทำให้บทบาทของผู้บริหารเปลี่ยนไป งานประจำเช่น การบริหารผลการดำเนินงาน การจัดทำรายงาน จะถูก AI เข้ามาแทนที่ ทำให้ผู้บริหารได้มีเวลาสำหรับงานเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น AI ทำให้การตัดสินใจของผู้บริหารจะดีขึ้น
7. ด้านจริยธรรม - จะเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุด และเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างระหว่างธุรกิจแต่ละแห่งที่นำ AI มาใช้
ความเห็นข้างต้นทั้งหมดเป็นภาพอุดมคติในมุมมองของ AI ถึงโลกการบริหารธุรกิจในอีกสองปีข้างหน้า แต่ในมุมมองของมนุษย์ จะมีมุมมองที่แตกต่างไป
มีบทความใน The Wall Street Journal ชื่อ The AI Revolution is already losing steam ซึ่งพอสรุปได้ว่าการนำ AI มาใช้จริงๆ นั้นไม่ได้เกิดผลลัพธ์ตามกระแสที่คาดหวังกันไว้ มีคำถามว่า AI จำเป็นสำหรับทุกธุรกิจจริงหรือไม่? หรือ AI นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรได้จริงหรือไม่?
ยังมีการอ้างอิงมุมมองของนักวิชาการจาก Wharton ที่ระบุว่าจริงๆ แล้ว AI ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ในระดับที่หวังไว้ ถึงแม้ AI จะช่วยคนให้ทำงานได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถทดแทนคนได้ และที่สำคัญคือ AI ก็ยังให้ข้อมูลที่ผิดเพี้ยนอยู่ ซึ่งก็มีอีกกระแสว่า AI กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแล้วสุดท้ายจะดีขึ้นและให้ผลลัพธ์ตามที่หวังไว้ได้จริง
ดังนั้นในอีกสองปีข้างหน้า AI จะส่งผลกระทบต่อโลกการบริหารธุรกิจได้จริงอย่างที่ AI ฝันไว้ หรือ จะเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ตื่นเต้นกันในช่วงแรกๆ จากนั้นก็ซาไป ก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป.