ซิงกูลาริตี้ (Singularity) 2588 : การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในอีก 20 ปี?
สัปดาห์ที่แล้ว เรย์ เคิร์ซไวล์ นักอนาคตศาสตร์ นักประดิษฐ์ นักเขียนชื่อดังได้ออกหนังสือชื่อ The Singularity Is Nearer (2567) ซึ่งเป็นการอัพเดตการคาดการณ์อนาคตล่าสุด หลังจากที่เขาเคยแสดงความคิดเห็นไว้เมื่อ 18 ปีก่อนในหนังสือชื่อดังอย่าง “The Singularity Is Near” (2549)
ซิงกูลาริตี้ (Singularity) เป็นแนวคิดที่เคิร์ซไวล์ยืมมาจากฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ เพื่อปรับใช้กับด้านเทคโนโลยี โดยใช้เพื่อระบุว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีความสามารถเทียบเท่าหรือเหนือกว่ามนุษย์
เป็นภาวะที่เอไอสามารถเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้ดีกว่ามนุษย์ในทุกด้าน เกิดเป็น “Artificial General Intelligence (AGI)” และต่อเนื่องไปสู่ “Artificial Superintelligence” (ASI) เมื่อถึงจุดนั้น เอไอจะสามารถพัฒนาตัวเองต่อไปได้อย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด จนนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้
ซิงกูลาริตี้เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนที่ไม่สามารถหวนกลับได้ เพราะเมื่อเอไอมีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ เอไอจะสามารถสร้างเอไอที่ฉลาดกว่าตัวเองได้อีกเรื่อยๆ เป็นวงจรที่เรียกว่า "Intelligence Explosion" ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคมและวิถีชีวิตของมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อถึงจุดซิงกูลาริตี้มีหลายด้าน ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด อาจนำไปสู่การรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ การยืดอายุขัย หรือการสร้างโลกเสมือนจริงที่สมบูรณ์แบบ รูปแบบการทำงานและเศรษฐกิจอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
จะมีการใช้เอไอแทนแรงงานมนุษย์ในหลายด้าน วิถีชีวิตและค่านิยมของมนุษย์อาจเปลี่ยนไป มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเอไอที่มีความสามารถเหนือกว่า
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาในการเข้าถึงจุดซิงกูลาริตี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างไร นักวิทยาศาสตร์และนักคิดหลายคนมีความเห็นที่แตกต่างกันไป บางคนมองว่าซิงกูลาริตี้ เป็นโอกาสที่จะนำพามนุษยชาติไปสู่ยุคใหม่ของความเจริญรุ่งเรือง ขณะที่บางคนกังวลว่ามันอาจเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์
เมื่อ 18 ปีที่แล้ว เรย์ เคิร์ซไวล์ได้เขียนหนังสือ "The Singularity Is Near" (2549) ซึ่งได้สำรวจแนวคิดซิงกูลาริตี้เป็นครั้งแรกบนพื้นฐานของกฎของการเติบโตแบบเร่งทวีคูณ (Law of Accelerating Returns) ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นแบบทวีคูณไม่ใช่เติบโตแบบเชิงเส้นตรง
จากหลักฐานในหลายสาขาวิชา เช่น พันธุศาสตร์ นาโนเทคโนโลยี และหุ่นยนต์ ได้สนับสนุนว่าเรากำลังเข้าใกล้ซิงกูลาริตี้อย่างรวดเร็ว
ในหนังสือเล่มก่อน "The Singularity Is Near" (2549) เรย์ เคิร์ซไวล์ ได้พยากรณ์อนาคตไว้หลายประการ เช่น ปัญญาประดิษฐ์จะฉลาดเทียบเท่าระดับมนุษย์ภายในปีค.ศ. 2029 หรือปีพ.ศ. 2572 ซึ่งจะเป็นจุดหมายสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยี และในปีค.ศ. 2045 หรือ พ.ศ.2588 มนุษย์และเครื่องจักรจะผสานกัน เพิ่มพูนความสามารถของมนุษย์และยืดอายุขัยผ่านเทคโนโลยี
เคิร์ซไวล์เชื่อว่าความก้าวหน้าทางการแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ จะทำให้มนุษย์ยืดอายุขัยอย่างมีนัยสำคัญ เทคโนโลยี VR และ AR จะมีความสมจริงมากขึ้นและผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวัน ลบเส้นแบ่งระหว่างโลกทางกายภาพและดิจิทัล
นาโนเทคโนโลยีจะปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การแพทย์ การผลิต พลังงาน ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่ “นาโนแมชชีน” ที่สามารถซ่อมแซมความเสียหายและฟื้นฟูร่างกายมนุษย์ได้
เคิร์ซไวล์เชื่อว่ามนุษย์จะสำรวจและตั้งอาณานิคมในอวกาศ สร้างที่อยู่บนดาวเคราะห์และดวงจันทร์อื่นๆ และอาจเดินทางออกนอกระบบสุริยะ อย่างไรก็ตาม เขายอมรับถึงความท้าทายทางจริยธรรมและปรัชญาที่อาจเกิดขึ้น และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากเอไอที่มีปัญญาสูง
ผ่านมา 18 ปีแล้วจากหนังสือเล่มแรก ล่าสุดในหนังสือ "The Singularity Is Nearer" (2567) เคิร์ซไวล์ได้กลับมาทบทวน ยืนยันและขยายความคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตแบบทวีคูณของเทคโนโลยีและผลกระทบอีกครั้ง
เขายืนยันความเชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ภายในปี พ.ศ.2572 หรือภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ และในปีพ.ศ. 2588 เอไอจะผสานเข้ากับมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ลึกซึ้งและถาวรต่ออารยธรรมมนุษย์
เขายังคาดการณ์ว่าในทศวรรษ 2030 พลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นแหล่งพลังงานหลัก สินค้าส่วนใหญ่จะฟรี และความขาดแคลนจะหมดไป เขาเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีการใช้นาโนหุ่นยนต์ในร่างกายมนุษย์ ช่วยเชื่อมต่อสมองกับคลาวด์ ทำให้เราฉลาดขึ้น รักษาโรคได้ และหยุดยั้งความแก่
เคิร์ซไวล์มองว่ามนุษย์มีข้อจำกัดทางร่างกายและสมองที่ล้าสมัย เอไอจะช่วยเอาชนะข้อจำกัดเหล่านี้ และมองว่าเอไอจะช่วยให้คนมีชีวิตยืนยาวขึ้นหรือแม้แต่ฟื้นคืนชีพคนที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะมองอนาคตด้วยความหวังหรือความกังวล การมาถึงของ Singularity ดูจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ใน "The Singularity Is Nearer" (2567) ได้ทิ้งข้อคิดที่สำคัญให้กับเรา คือเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นในด้านการศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยี หรือการกำหนดนโยบาย เพื่อให้มนุษย์และเอไอสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสร้างสรรค์ ความเข้าใจและการยอมรับในความเป็นไปได้นี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างอนาคตและป้องกันความเสี่ยงสำหรับทุกคน.