เปิดอาณาจักรหุ่นยนต์ของ ‘Unitree’ ผู้ที่เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนโลก

เปิดอาณาจักรหุ่นยนต์ของ ‘Unitree’ ผู้ที่เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนโลก

Unitree Robotics สตาร์ตอัปพัฒนาหุ่นยนต์จากประเทศจีน กำลังปฏิวัติวงการหุ่นยนต์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ภายใต้การนำของ “Wang Xingxing” วิศวกรหนุ่มผู้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกด้วยปัญญาประดิษฐ์

จาก Elder Care Assistive Robots Market Growth & Trends รายงานว่า “ภายในปี 2573 อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 2 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 10 ล้านล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า จีนจะครองส่วนแบ่งการตลาด 20% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของโลก” 

สอดคล้องกับแนวคิดของ ยูนิทรี (Unitree Robotics) สตาร์ตอัปพัฒนาหุ่นยนต์จากประเทศจีน ภายใต้การนำของ “Wang Xingxing” วิศวกรหนุ่มผู้มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกด้วยหุ่นยนต์ เขามีความเชื่อว่า “ในอีก 5 ปีข้างหน้า หุ่นยนต์จะถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลาย และมันจะช่วยงานมนุษย์อย่างไร้ขีดจำกัด”

เส้นทางของยูนิทรีเริ่มต้นจากงานวิจัยของ Xingxing เมื่อครั้งเขากำลังศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ในช่วงนั้นเขาสังเกตเห็นข้อจำกัดของหุ่นยนต์ที่มีอยู่เดิม ซึ่งมักใช้ระบบไฮดรอลิกที่มีขนาดใหญ่และราคาแพง จึงเกิดแรงบันดาลใจในการคิดค้นแนวทางใหม่ โดยมุ่งเน้นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวให้กับหุ่นยนต์

ในปี 2559 หุ่นยนต์ เอ็กซ์ด็อก (XDog) ตัวแรกของเขาได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จนกระตุ้นให้เขาตัดสินใจลาออกจากบริษัทโดรนดีเจไอ และก่อตั้งยูนิทรีในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน แม้ว่าจะประสบปัญหาการเงินในช่วงเริ่มแรก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ ทำให้บริษัทสามารถระดมทุนและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม Unitree Robotics มี อัศวรรณ์ เรืองชู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านอากาศยานไร้คนขับในประเทศไทย (โดรน) เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

เปิดอาณาจักรหุ่นยนต์ของ ‘Unitree’ ผู้ที่เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนโลก

H1

เอชวัน (H1)” กลายเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกภายใต้บริษัทยูนิทรี ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้เป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ตัวแรกของโลกที่สามารถตีลังกากลับหลังโดยไม่ใช้ระบบไฮดรอลิก

จุดเด่นของเอชวันคือ การใช้เทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าแบบข้อต่อ M107 ที่สร้างแรงบิดสูงถึง 360 นิวตันเมตร หุ่นยนต์รุ่นนี้มีขนาดที่น่าประทับใจ ด้วยความสูง 1.8 เมตร น้ำหนัก 47 กิโลกรัม และมีความสามารถพิเศษในการยกของหนักได้ 30 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีความโดดเด่นที่ความเร็วในการเคลื่อนที่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3.3 เมตรต่อวินาที และมีแผนพัฒนาให้เพิ่มความเร็วสูงสุดถึง 5 เมตรต่อวินาที

บริษัทยังได้พัฒนาระบบการจำลองการเคลื่อนไหวที่ล้ำสมัย เพื่อให้สามารถจำลองการเคลื่อนไหวได้อย่างสมจริง และสามารถปรับแต่งรูปแบบโครงสร้างก่อนนำไปใช้พัฒนาหุ่นยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดอาณาจักรหุ่นยนต์ของ ‘Unitree’ ผู้ที่เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนโลก

G1

ต่อมา ยูนิทรีได้เปิดเผยถึงการพัฒนา “จีวัน (G1)” ซึ่งเป็นหุ่นยนต์รุ่นที่สอง โดยมีคุณสมบัติมีความสูง 1.27 เมตร น้ำหนัก 47 กิโลกรัม และสามารถเคลื่อนไหวด้วยข้อต่อ 23-43 จุด ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นสูง

ระบบปัญญาประดิษฐ์ของจีวันถือว่าล้ำหน้ากว่ารุ่นก่อนมาก เนื่องจากสามารถเรียนรู้และจดจำการเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง แม้ในสถานการณ์ที่ถูกผลัก กระแทก หุ่นยนต์ยังคงสามารถทรงตัวและกลับมายืนได้ด้วยตนเอง 

นอกจากนี้ก็ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบทิศทาง และยังสามารถสื่อสารผ่านระบบ Wi-Fi และบลูทูธ รองรับการทำงานแบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างระบบอัตโนมัติและการควบคุมการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์จากระยะไกลโดยมนุษย์

อย่างไรก็ตาม จีวันได้ถูกเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านงาน Secutech Thailand เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา 

เปิดอาณาจักรหุ่นยนต์ของ ‘Unitree’ ผู้ที่เชื่อว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนโลก

Go1

Xingxing ไม่ได้หยุดอยู่แค่การพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เท่านั้น แต่เขายังมองการณ์ไกลไปถึงหุ่นยนต์ในรูปแบบอื่นๆ โดยได้ออกแบบ “จีโอวัน (Go1)” เป็นหุ่นยนต์สุนัขที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 2,700 ดอลลาร์ ราว 91,984 บาทไทย หุ่นยนต์สุนัขรุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถวิ่งตามเจ้าของได้ด้วยความเร็วสูงสุด 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

บริษัทได้พัฒนาหุ่นยนต์สี่ขาทั้งหมด 5 รุ่น ประกอบด้วย Go1, Laikago, AlienGo, A1 และ BenBen ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการระดมทุนรอบ Series A โดยได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำ อาทิ Sequoia Capital China, Shunwei Capital และ Decent Capital

ปัจจุบัน ยูนิทรีเป็นบริษัทที่มีพนักงานกว่า 100 คน และมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการระดมทุนรอบ Series B ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2567 พร้อมกับเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นถึง 10 เท่า โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากการขายหุ่นยนต์ และมีรายได้เสริมเล็กน้อยจากการแสดงในงานเอกชนต่างๆ

ซีอีโอยูนิทรียังคงเชื่อว่าในอีกสองปีข้างหน้า หุ่นยนต์จะกลายเป็นสิ่งปกติเช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน บริษัทวางเป้าหมายในการพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถช่วยเหลือในภารกิจต่างๆ เช่น สนับสนุนนักดับเพลิง สำรวจสภาพแวดล้อม และช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา

อ้างอิง: KrASIA