เส้นชัยใหม่ Innovation 2025 องค์กรไล่ล่าอนาคตด้วย นวัตกรรม

เส้นชัยใหม่ Innovation 2025 องค์กรไล่ล่าอนาคตด้วย นวัตกรรม

ปี 2025 นวัตกรรมไม่ได้เป็นแค่ "ทางเลือก" แต่คือ "เส้นชัยใหม่" ขององค์กรทั่วโลก Fast Company เปิดเผยรายชื่อ 50 บริษัทที่ลงทุนในเทคโนโลยีสำหรับอนาคต เพื่อพลิกโฉมธุรกิจ

 ตั้งแต่ AI, Automation, Biotech, ไปจนถึง Quantum Computing โดยมีเป้าหมายไม่ใช่แค่แข่งขัน แต่เพื่อ "ออกแบบอนาคต" ด้วยตัวเอง 

AI กำลังเปลี่ยนจากเครื่องมือเสริม มาเป็นกลไกขับเคลื่อนทุกมิติของธุรกิจ ขณะเดียวกัน Automation, Digital Twin และเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม

คำถามที่องค์กรไทยต้องเริ่มถามตัวเองคือ: "เรายังรออนาคตมาถึง หรือจะเป็นคนสร้างอนาคต?"

      องค์กรที่ปรากฏในลิสต์ “Most Innovative Companies 2025” ไม่ได้แค่พัฒนาเทคโนโลยี แต่กล้าลงทุนในแนวคิดใหม่ที่เปลี่ยนเกมธุรกิจไปทั้งอุตสาหกรรม

Waymo บริษัทในเครือ Alphabet เดินหน้าสร้างระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไร้คนขับอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมมือกับเมือง Los Angeles เพื่อให้บริการ Robotaxi เต็มรูปแบบ พร้อมทั้งทดลองใช้ AI ในการจัดการจราจรและความปลอดภัยบนถนน

Anduril Industries เป็นตัวอย่างบริษัท DefenseTech ที่พัฒนา AI และโดรนอัจฉริยะ เพื่อการป้องกันพรมแดนของประเทศ ล่าสุดได้รับเงินลงทุนรอบใหม่กว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์จาก VC ชั้นนำเพื่อขยายตลาด

 ด้าน Biotech บริษัท Eli Lilly ลงทุนกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อผลิตยาที่ใช้ AI ออกแบบโมเลกุล เพื่อรักษาโรคซับซ้อนและโรคเรื้อรัง

ขณะเดียวกัน Novo Nordisk ลงทุน 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการ Microbiome Health Initiative เพื่อศึกษาแบคทีเรียในลำไส้และบทบาทต่อโรคหัวใจและเมตาบอลิซึม  

บริษัท SandboxAQ ซึ่งแยกตัวมาจาก Alphabet ก็ได้รับเงินลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์เมื่อต้นปี เพื่อขยายเทคโนโลยี quantum-safe encryption และ AI simulation ในภาคการเงินและการแพทย์

ด้านธุรกิจอาหารก็เช่นกัน Nestlé ลงทุนกับการใช้ AI ในการพัฒนาสูตรอาหารเฉพาะบุคคล โดยมีโครงการนำร่องในญี่ปุ่น

PepsiCo ลงทุนสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ  ซึ่งจะมีสายการผลิต และระบบจัดเก็บอัตโนมัติสำหรับพาเลทถึง 82,000 พาเลท

 บทเรียนสำคัญจากองค์กรเหล่านี้ไม่ใช่แค่การมีเทคโนโลยี แต่คือ "ความกล้า" ที่จะลงทุนในสิ่งที่ยังไม่มีใครกล้าคิด และนำมาใช้สร้างมูลค่าได้ในตลาด

องค์กรไทยพร้อมหรือยังจะ "สร้างอนาคต"? แม้จะมีองค์กรไทยที่เริ่มขยับ แต่โดยรวมประเทศไทยยังขาดการลงทุนใน “Innovation Portfolio” ที่หลากหลาย ที่จะครอบคลุมทั้ง ธุรกิจหลัก, ธุรกิจใกล้เคียง, และ นวัตกรรมใหม่ที่อาจกลายเป็นธุรกิจอนาคต

ปัญหาที่พบบ่อยคือองค์กรไทยยังกลัวความล้มเหลว ขาดระบบที่รองรับการทดลอง และมองนวัตกรรมเป็น “กลไกเสริม” แทนที่จะเป็น “ยุทธศาสตร์หลัก”

ถึงเวลาแล้วที่องค์กรไทยจะต้องสร้าง Innovation Lab, Tech Venture หรือ Corporate Startup Unit ของตัวเอง เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตจากภายใน และดึงพาร์ทเนอร์จากต่างประเทศเข้ามาเติมศักยภาพ 

องค์กรที่เข้าใจว่าการแข่งขันยุคใหม่ไม่ใช่เรื่อง “ราคา” แต่คือ “ความสามารถในการสร้างสรรค์” จะเป็นผู้ชนะในเกมที่เปลี่ยนเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน

การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร สุขภาพ การเงิน และพลังงาน ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป Startup จากยุโรป อิสราเอล อินเดีย สิงคโปร์ กำลังมองหาพันธมิตรในไทยเพื่อทดสอบและขยายตลาด ซึ่งถือเป็นโอกาสที่องค์กรไทยไม่ควรมองข้าม

      ผู้นำองค์กรต้องเร่งสร้าง Culture ที่ส่งเสริมการทดลองและลงมือทำสิ่งใหม่ เน้นการตั้งเป้าหมายที่ไม่ใช่แค่ “ความมั่นคงในวันนี้” แต่คือ “ความยั่งยืนในอนาคต” เพราะองค์กรที่ไม่กล้าสร้างอนาคตของตัวเองวันนี้ อาจไม่มีที่ยืนในโลกธุรกิจวันพรุ่งนี้.