AI Revolution: เดิมพันอนาคต “ครัวโลก”

AI Revolution: เดิมพันอนาคต “ครัวโลก”

อุตสาหกรรมอาหารกำลังเปลี่ยนโฉมอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเข้ามามีบทบาทตั้งแต่การเพาะปลูก ผลิต แปรรูป ไปจนถึงการบริโภค

ประเทศที่เป็นผู้นำในด้านนี้ เช่น สหรัฐฯ อิสราเอล ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ต่างใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแม่นยำ

ในสหรัฐฯ AI ถูกนำมาใช้ตรวจสอบคุณภาพของผลผลิต ลดความสูญเสียในซัพพลายเชน และเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ อิสราเอลเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพด้าน Food Tech ที่ใช้ AI เพื่อพัฒนาอาหารแห่งอนาคต

ญี่ปุ่นใช้ AI ใน Smart Farming เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานและเพิ่มคุณภาพผลผลิตอย่างแม่นยำ ส่วนสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการใช้ AI ในการบริหารโลจิสติกส์อาหารเพื่อลดของเสียและสร้างความยั่งยืน

       ประเทศไทยยังคงเป็นผู้ผลิตอาหารระดับโลก แต่การใช้ AI ในอุตสาหกรรมอาหารยังเพิ่งเริ่มต้น การแข่งขันที่สูงขึ้นและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปกำลังท้าทายอนาคตของประเทศ

หากเรายังคงพึ่งพาวิธีการผลิตแบบเดิมโดยไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาเสริม อาจสูญเสียโอกาสในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารของโลกในอนาคต

AI ไม่เพียงเข้ามามีบทบาทในภาคเกษตรต้นน้ำเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแปรรูปอาหาร การบริหารซัพพลายเชน และการค้าปลีก 

      บริษัทอาหารชั้นนำอย่าง Nestlé และ Unilever ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคเพื่อคาดการณ์ความต้องการและปรับแผนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

สิงคโปร์ นำ AI มาใช้บริหารซัพพลายเชนแบบเรียลไทม์ เพื่อลดของเสียจากกระบวนการผลิต แม้กระทั่งในธุรกิจร้านอาหาร AI ก็ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าและปรับปรุงระบบโลจิสติกส์

McDonald's Japan ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและปรับเมนูตามแนวโน้มความต้องการ ขณะที่ Meituan ของจีน ใช้ AI บริหารจัดการการส่งอาหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

   ในไทย บริษัทอาหารรายใหญ่ เริ่มนำ AI มาใช้ในระบบผลิตและซัพพลายเชนแล้ว แต่จำนวนสตาร์ทอัพไทยที่เน้น Food Tech ยังมีน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

หากเราต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขัน เราจำเป็นต้องเร่งลงทุนในเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง  หรือในอีกมุมโอกาสของเราอาจอยู่ที่การสร้างความร่วมมือกับประเทศที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง

อย่างเช่นอิสราเอลหรือจีนเพื่อเป็นพันธมิตรนำเอาเทคโนโลยี AI  มาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้ 

นอกจากนั้น หากเราต้องการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารของโลกต่อไป จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน

ภาครัฐควรมีมาตรการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรม เช่น การลดภาษีสำหรับการลงทุนด้าน AI และ Food Tech รวมถึงการสร้างศูนย์นวัตกรรมด้านอาหารที่สนับสนุนการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ 

การพัฒนาบุคลากรก็มีส่วนสำคัญ เราต้องเร่งส่งเสริมการศึกษาด้าน AI และ Big Data ให้กับภาคอุตสาหกรรมอาหาร ในขณะที่ ภาคเอกชนเองก็ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน 

การลงทุนใน AI และ Automation ไม่ใช่เรื่องของอนาคต แต่จะเป็นปัจจัยที่กำหนดว่าใครจะอยู่รอดเติบโตและใครจะหายไปจากตลาด

         AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกมิติของอุตสาหกรรมอาหาร และเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องตัดสินใจว่าเราจะเป็นผู้กำหนดอนาคตหรือจะเป็นเพียงแค่ผู้ตาม หากลังเลที่จะลงทุนและปรับตัว เราจะสูญเสียสถานะ "ครัวของโลก" ให้กับประเทศอื่นพร้อมนำ AI มาเพิ่มมูลค่าและขับเคลื่อนอุตสาหกรรม

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องก้าวสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว และสร้างอนาคตอุตสาหกรรมอาหารที่ไม่เพียงแต่แข่งขันได้ แต่ยังเป็นผู้นำในระดับโลก "อนาคตของอุตสาหกรรมอาหารไม่ได้อยู่ที่ใครผลิตได้มากกว่า แต่อยู่ที่ใครใช้ AI เพิ่มมูลค่าได้ดีกว่า เราต้องเลือกว่าจะเป็นผู้นำหรือผู้ตาม!"