‘ข้อมูล-เอไอ’ เปลี่ยนวิธี บริหารคลังสินค้าอัจฉริยะ
เอไอสามารถเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่จากข้อมูล และปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ช่วยยกระดับการบริหารงานให้รวดเร็ว แม่นยำ และลดต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไร
หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จคงหนีไม่พ้นการบริหารคลังสินค้า ซึ่งถ้าเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ มีร้านเล็กๆ ขายสินค้าไม่กี่อย่าง การจัดการระบบหลังบ้านคงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่หากลองนึกภาพธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่ขายสินค้าหลายร้อยพันรายการ มีคำสั่งซื้อทุกนาที และมีหน้าร้านหลายสาขา เราจะต้องใช้คนจำนวนเท่าใดจึงจะลดความผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าไปยังลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด แต่หากเราใช้คนจำนวนมาก เจ้าของธุรกิจเองก็ต้องแบกรับต้นทุนมากมายมหาศาล โจทย์ต่างๆ
เหล่านี้จึงทำให้เจ้าของธุรกิจหลายคนเริ่มเข้าสู่วงการเอไอและดาต้าที่จะช่วยยกระดับการบริหารงานให้รวดเร็ว แม่นยำ และลดต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไรในที่สุด
เอไอสามารถเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่จากข้อมูล และปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ ด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น การขาดแคลนแรงงาน การแพร่ระบาดของโรค และการขยายธุรกิจสู่โลกออนไลน์ที่ไม่มีวันหยุดพัก ทำให้เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
เช่น การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติทั้งรถยก หุ่นยนต์ และโดรน เข้ามาช่วยในการทำงานต่างๆ ซึ่งเราคงคุ้นตากันดีกับแบรนด์อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Alibaba ที่มีสถิติการใช้หุ่นยนต์ภายในคลังสินค้าสูงถึง 70% เลยทีเดียว
อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือ RFID (Radio Frequency Identification) หรือระบบเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านค่าได้ผ่านคลื่นวิทยุ เพื่อตรวจติดตามและบันทึกข้อมูลสินค้าว่าผลิตที่ไหน หมดอายุเมื่อไหร่ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการสัมผัสหรือเห็นวัตถุนั้นๆ ในระยะใกล้ ช่วยประหยัดเวลาและง่ายต่อการบริหารคลังสินค้าในระยะยาว
ในส่วนของการจัดการพนักงานคลังสินค้า ส่วนใหญ่พบว่าอาศัยประสบการณ์การทำงานของหัวหน้าทีมในการแบ่งหน้าที่และเพิ่ม-ลดจำนวนพนักงานจากการดูตารางกะเข้างาน จำนวนคำสั่งซื้อ และกำหนดการส่งสินค้า
ถึงแม้จะอาศัยประสบการณ์ แต่ก็เกิดข้อผิดพลาดได้ การนำเอไอมาวิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลแวดล้อมประกอบการคาดการณ์จะช่วยลดการเสียโอกาสและความล่าช้าจากการจ้างงานที่มากเกินไปหรือไม่เพียงพอได้อย่างเหมาะสม
รวมทั้งช่วยวิเคราะห์และประเมินผลการทำงานของพนักงาน ผู้ผลิต และสินค้าต่าง ๆ ว่าผ่านเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ นำไปสู่การลดต้นทุนและต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ในอนาคต
นอกจากนี้ เอไอยังเข้ามาช่วยคาดการณ์ยอดขายได้ทั้งระยะสั้นและยาว รวมทั้งวิเคราะห์ประวัติการซื้อขายสินค้าแต่ละชนิด ร่วมกับข้อมูลอื่นๆ เช่น เทรนด์สินค้ายอดฮิต จำนวนลูกค้า สภาพอากาศ เพื่อวางแผนจัดการคลังสินค้าได้อย่างแม่นยำ ลดการเสียโอกาสการขายเพราะสินค้าขาดสต็อก และลดต้นทุนในกรณีที่สินค้าเหลือค้างจากการสั่งเกินความต้องการ เอไอจะเข้ามาช่วยตอบคำถามว่า ควรจะเติมสินค้าอะไร เมื่อไหร่ คาดการณ์คำสั่งซื้อว่าจะเพิ่มหรือลดสินค้าใดในช่วงนั้นๆ เพื่อให้ขาดเหลือน้อยที่สุด
การจัดวางสินค้าก็ส่งผลต่อความปลอดภัยของพนักงาน เอไอจะเข้ามาช่วยวางแผนว่า สินค้ายอดนิยมควรวางตรงไหน สินค้าที่มีน้ำหนักหรือแตกง่ายควรวางชั้นไหน พื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงและจุดอับสายตาควรวางอะไรให้ปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
ซึ่งมีตัวอย่างการนำ Computer Vision มาใช้กับรถขนส่งอัตโนมัติแบบไร้คนขับ (AGV) และหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าหลบหลีกสิ่งกีดขวาง สร้างพื้นที่คลังสินค้าที่ปลอดภัยให้มนุษย์ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัย
จากตัวอย่างทั้งหมด ถ้ามีการนำเอไอมาใช้กับการจัดการคลังสินค้ามากขึ้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น ลดข้อผิดพลาดจากการคาดการณ์ที่แม่นยำ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลักของเอไอ เพิ่มความสามารถในการส่งมอบบริการได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
โดยผู้ประกอบการเห็นข้อมูลในภาพรวมและเชิงลึกได้ตลอดเวลา ทำให้เข้าใจสถานการณ์ธุรกิจ ณ ปัจจุบันเพื่อเตรียมปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และลดต้นทุนเพื่อสร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการได้ในที่สุด