ดาวโจนส์ทรุด 981จุดผวาเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยทุบเศรษฐกิจวูบ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์(22เม.ย.)ร่วงลง 981 จุด ท่ามกลางความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวร่วงลง 981.36 จุด หรือ 2.8% ปิดที่ 33,811.40 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 2.8% ปิดที่ 4,271.78 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 2.6% ปิดที่ 12,839.29 จุด
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก
ด้าน เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.1 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 57.7 ในเดือนมี.ค.
การซื้อขายใน ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ในวันนี้ถูกกดดันจากภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตรสหรัฐ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งทะลุ 3% ในวันนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยนักลงทุนวิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐ จะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อ สกัดเงินเฟ้อ
ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิด วิกฤตการเงินทั่วโลก ในเวลาเพียงไม่กี่ปีถัดมา
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543