ดาวโจนส์ร่วง 368 จุดรับข่าวเฟดส่งสัญญาณอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี(21เม.ย.)ปรับตัวร่วงลง 368 จุดหลังเฟดส่งสัญญาณว่าอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบเร็วๆนี้
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 368.03 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 34,792.76 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 65.79 จุด หรือ 1.48% ปิดที่ 4,393.66 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 278.41 จุด หรือ 2.07% ปิดที่ 13,174.65 จุด
ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลา อิงค์พุ่งขึ้นมากกว่า 9% หลังเปิดเผยผลประกอบการดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ราคาหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ (AA) ซึ่งเป็นสายการบินใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8% หลังเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และมีตัวเลขขาดทุนน้อยกว่าคาดการณ์ ขณะที่ทางสายการบินคาดว่าจะมีกำไรในปีนี้
ก่อนหน้านี้ ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาและชิคาโกแนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 184,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 182,000 ราย
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 58,000 ราย สู่ระดับ 1.417 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2513
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ลดลงสู่ระดับ 17.6 ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 21.9 จากระดับ 18.6 ในเดือนมี.ค.
ดัชนีภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว