ดาวโจนส์ร่วง 98 จุดผวาจ้างงานแข็งแกร่งหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์ (6พ.ค.)ปรับตัวร่วงลง 98 จุด ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 98.60 จุด หรือ 0.30% ปิดที่ 32,899.37 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.57% ปิดที่ 4,123.34 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 1.40% ปิดที่ 12,144.66 จุด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 400,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ยังถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี สู่ระดับ 3.121% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี(5พ.ค.) ขณะที่ดัชนีแนสแด็กดิ่งลงเกือบ 5% โดยดัชนีทั้ง 2 ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2563 ส่วนดัชนี เอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 3.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ต้นปี
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้