ดาวโจนส์พุ่ง 575 จุดตลาดคลายกังวลเงินเฟ้อก่อนหยุดยาวสุดสัปดาห์
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(27พ.ค.)ปรับตัวขึ้น 575 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้แตะจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยชะลอการตัดสินใจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 575.77 จุดหรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1.8% ปิดที่ 33,212.96 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5% ปิดที่ 4,158.24 จุด
ดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 3.3% ปิดที่ 12,131.13 จุด
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทุกกลุ่มในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 30 พ.ค.เนื่องในวัน Memorial Day
ทั้งนี้ วันหยุดยาวช่วงสุดสัปดาห์นี้จะเป็นการเริ่มต้นฤดูการเดินทางท่องเที่ยวของสหรัฐ ซึ่งจะยาวนานจนถึงช่วงวันหยุดเนื่องในวันแรงงานสหรัฐในเดือนก.ย.
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 4.9% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 8 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงขาลงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2466 ส่วนดัชนี เอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กต่างทะยานขึ้น 5.2% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงหลังจากพุ่งแตะระดับ 6.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค.2525
ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี PCE ทั่วไปในเดือนเม.ย. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
เมื่อเทียบรายเดือน ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.9% ในเดือนมี.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 5.2% ในเดือนมี.ค.
ดัชนี PCE พื้นฐานชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.เช่นกัน
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ
นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกในวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดวานนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ที่สูงกว่าคาดของเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.7% หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมี.ค.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของค่าจ้าง ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐเผชิญภาวะตึงตัว
ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงสู่ระดับ 58.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2554 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.1 หลังจากแตะระดับ 65.2 ในเดือนเม.ย.
ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคตต่างปรับตัวลง
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล