โควิดในจีนระลอกล่าสุดฉุดความต้องการสินค้าหรู
กลุ่มธุรกิจแบรนด์หรูระบุว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดตามเมืองใหญ่ของจีนที่ทำให้ทางการประกาศล็กดาวน์หลายพื้นที่ บั่นทอนความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคลงอย่างมาก กลุ่มบริษัทจำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูจึงตัดสินใจหั่นคาดการณ์การเติบโตของยอดขายในปีนี้ลง
รายงานการสำรวจของโอลิเวอร์ เวย์แมน ที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ซีเอ็นบีซี ระบุว่า ตอนนี้กลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์และบรรดาเจ้าของแบรนด์สินค้าหรูคาดการณ์ว่าธุรกิจปีต่อปีในจีนแผ่นดินใหญ่ในปีนี้จะขยายตัวแค่ 3% เท่านั้น ลดลงมากจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่าจะเพิ่มขึ้น 18%
“ตอนนี้มีความไม่แน่ใจมากขึ้นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะฟื้นตัวในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนในปี 2563 และปี 2564” เคนเนธ โชว์ จากบริษัทโอลิเวอร์ เวย์แมน กล่าว พร้อมทั้งอ้างถึงข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสัมภาษณ์บรรดาผู้บริหารระดับสูงในกลุ่มบริษัทจำหน่ายสินค้าหรู
โอลิเวอร์ เวย์แมน ระบุว่า การสำรวจผู้บริหารระดับสูงในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ครอบคลุมลูกค้าของบริษัทที่ปรึกษากว่า 30 แห่งที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรู และมียอดขายคิดเป็นมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์
เซี่ยงไฮ้ นครที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)มากที่สุดของจีนและเป็นศูนย์กลางธุรกิจต่างชาติเจอผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงต้นปี 2563ในจีน โดยทางการนครเซี่ยงไฮ้สั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน พร้อมทั้งสั่งปิดธุรกิจส่วนใหญ่เป็นเวลาสองเดือน ก่อนที่จะอนุญาตให้ธุรกิจต่างๆเปิดดำเนินการอีกครั้งในวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
“ภาคธุรกิจมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการใช้มาตรการต่างๆเพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ”โชว์ กล่าวในโอกาสให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในสัปดาห์นี้
ขณะที่ยอดขายในธุรกิจค้าปลีกของจีนในเดือนเม.ย.ปรับตัวร่วงลง 11.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการจับจ่ายซื้อหาสิ่งของของผู้บริโภคจำนวนมากประกอบกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งก็พากันปิดให้บริการ
นอกจากนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ย่างเข้าสู่ปีที่สามก็ไม่ได้ฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ส่วนอัตราการว่างงานใน 31 เมืองใหญ่สุดของจีนในเดือนเม.ย.ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นแซงหน้าปี2563 คืออยู่ที่ 6.7% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกในปี 2561
แต่ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้เกิดกับธุรกิจสินค้าหรูอย่างเดียว ธุรกิจบริการเช่นร้านอาหารหรูก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย โดยเว็บไซต์ชาแนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่าวานนี้(14 มิ.ย.)ว่า ภัตตาคารลอยน้ำ “จัมโบ้” ในฮ่องกงถูกลากจูงออกไปจากบริเวณท่าเรืออะเบอร์ดีน
หลังจากบริษัทอะเบอร์ดีน เรสเตอรองต์ เอนเตอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ ประกาศปิดให้บริการร้านอาหารในตำนานแห่งนี้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากพิษโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฮ่องกงหยุดชะงักมานานกว่า 2 ปี และบริษัทก็ล้มเหลวในความพยายามเจรจาหาทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน เพื่อมาฟื้นฟูภัตตาคารลอยน้ำหรูแห่งนี้
ภัตตาคารลอยน้ำแห่งนี้เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2519 โดย“สแตนลีย์ โฮ” นักธุรกิจกาสิโนชาวฮ่องกง โดยตัวภัตตาคารมีความยาว 76 เมตร ถูกออกแบบให้ดูเหมือนพระราชวังต้องห้ามในจีน รองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึงกว่า 2,300 คน
นอกจากมีชื่อเสียงด้านรสชาติอาหารแล้ว ภัตตาคารลอยน้ำแห่งนี้ยังเคยต้อนรับบุคคลสำคัญระดับโลกอย่างสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ,ทอม ครูซ นักแสดงชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด ทั้งยังเคยเป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด และภาพยนตร์ฮ่องกงชื่อดังหลายเรื่อง
ชาวฮ่องกงที่ทราบข่าวการปิดกิจการของภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้ ต่างรู้สึกเสียดายและเศร้าใจมากขึ้นเมื่อเห็นภาพภัตตาคารถูกลากจูงออกไปจากที่ที่เป็นที่ตั้งของภัตตาคารมานาน 50 ปี และต่างก็หวังว่า เจ้าของภัตตาคารจะได้รับโอกาสทางธุรกิจจนสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ใหม่