จีนนำเข้าน้ำมันรัสเซียแซงหน้าซาอุดีอาระเบีย

จีนนำเข้าน้ำมันรัสเซียแซงหน้าซาอุดีอาระเบีย

จีนนำเข้าน้ำมันรัสเซียในเดือนพ.ค.สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แซงหน้ายอดนำเข้าน้ำมันจากซาอุดีอาระเบีย ด้าน"สี จิ้นผิง"ย้ำพันธสัญญาด้านการค้าระหว่างจีน-รัสเซีย แม้ชาติตะวันตกพร้อมใจคว่ำบาตรรัสเซีย

สำนักงานศุลกากรจีน (จีเอซี) รายงานว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือนพ.ค.พุ่งขึ้น 55% แตะระดับ 8.42 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่ายอดนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียซึ่งอยู่ที่ 7.82 ล้านตัน

จีนหันไปนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียมากกว่าซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากโรงกลั่นของจีนสามารถซื้อน้ำมันจากรัสเซียในราคาถูกลง หลังจากชาติตะวันตกประกาศแบนนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพื่อตอบโต้การใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน

 ข้อมูลของจีเอซี ระบุว่า ยอดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย รวมถึงน้ำมันจากท่อส่งมหาสมุทรแปซิฟิกของไซบีเรียตะวันออกและการขนส่งทางทะเลจากท่าเรือยุโรปและตะวันออกไกลของรัสเซีย อยู่ที่ 8.42 ล้านตันในเดือนพ.ค.

โดยบริษัทต่าง ๆ ของจีน รวมถึง รวมถึงซิโนเปค และเจิ้นหัว ออยล์ ได้เพิ่มการซื้อน้ำมันของรัสเซีย เนื่องจากได้รับส่วนลดจำนวนมากหลังจากที่บริษัทรายใหญ่ของชาติตะวันตกพากันถอนตัวเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
 

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นซัพพลายเออร์อันดับสองของจีน โดยจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียในปริมาณ 7.82 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9% ในเดือนพ.ค. และนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านในปริมาณ 260,000 ตัน ซึ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนย้ำถึงพันธสัญญาด้านการค้าระหว่างจีนกับรัสเซีย แม้ชาติตะวันตกพร้อมใจกันออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อลงโทษการที่รัสเซียรุกรานยูเครนตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

“ขณะนี้ความร่วมมือระหว่างรัสเซียและจีนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยการค้าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้คิดเป็นตัวเลขมหาศาล และคาดว่าจะแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความร่วมมืออันยอดเยี่ยมระหว่างสองประเทศได้เป็นอย่างดี”
 

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ปธน.สี เปิดเผยเรื่องการค้ากับรัสเซียในการประชุมเต็มคณะของการประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กผ่านระบบทางไกล ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุม

ปธน.สี เน้นย้ำว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป และยังได้พูดถึงการพัฒนาในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (บีอาร์ไอ) ของจีนเพิ่มเติมด้วย

กรมศุลกากรจีนระบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีนและรัสเซียรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 6.581 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 28.9% จากปีก่อนหน้า โดยการเติบโตส่วนใหญ่เป็นผลมาจากจีนนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย

รายงานระบุว่า จีนปฏิเสธที่จะเรียกเหตุที่รัสเซียโจมตียูเครนว่าเป็นการรุกราน โดยหลังเสร็จสิ้นการประชุมระดับสูงระหว่างปธน.สีและปธน.ปูตินในช่วงต้นเดือนก.พ. ก็มีการออกแถลงการณ์ว่า จีนและรัสเซียจะร่วมมือกันโดยไม่มีข้อจำกัด หรือไม่มีพื้นที่ต้องห้าม โดยปราศจากการเอ่ยถึงยูเครน

นอกจากจีนจะทำการค้ากับรัสเซียเพิ่มขึ้นแล้ว การค้าระหว่างเมืองเสิ่นเจิ้นของจีนและอินเดียก็กำลังเติบโตอย่างมากด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ 5 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าทั้งการนำเข้าและส่งออกรวมกันสูงกว่า 2 หมื่นล้านหยวน

เสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นเมืองทางภาคใต้ของจีนกลายเป็นคู่ค้าสำคัญของอินเดียซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วหรือที่เรียกว่า“บริคส์” (BRICS) ซึ่งประกอบไปด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ โดยเสิ่นเจิ้นมีเขตการค้าเสรี“ฝูเถียน”ที่เป็นแหล่งส่งออกสินค้าไปยังอินเดียที่ใหญ่ที่สุด

สินค้าส่งออกที่สำคัญของเสิ่นเจิ้นไปยังอินเดียคืออุปกรณ์ไฟฟ้า แผงวงจรและวัตถุดิบในการผลิตโทรศัพท์มือถือซึ่งตั้งแต่เดือนม.ค.จนถึงพ.ค.ปีนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าเหล่านี้อยู่ที่เกือบ 200 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 200% 

นอกจากนั้น ยังมีสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยอินเดียเป็นตลาดส่งออกและนำเข้ารายใหญ่อันดับที่ 8 ของเสิ่นเจิ้น

ศุลกากรของเสิ่นเจิ้น ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการผ่านด่านโดยมีช่องเขียวหรือ Green Channel สำหรับสินค้าทั่วไปโดยใช้เวลาไม่เกิน 10 วินาที และทำงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ศุลกากรของเสิ่นเจิ้นยังออกมาตรการ 18 ข้อเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและคุณภาพสำหรับการค้าต่างประเทศ มีการจัดตั้ง “Maritime Express Mail Link” และ “Shenzhen-Hong Kong Air Express Line”เพื่อให้การข้ามแดนสะดวกและรวดเร็วขึ้น   โดยเมื่อเดือนที่แล้ว มีคาร์โก้ผ่านทางท่าเรือเพิ่มขึ้น 13% และทางสนามบิน 42%