'LGBTQ' ผวาเป็นเหยื่อรายต่อไป หลังศาลฎีกาคว่ำสิทธิการทำแท้ง
กลุ่มรักร่วมเพศ หรือ LGBTQ ในสหรัฐแสดงความวิตกว่า การที่ศาลฎีกาสหรัฐมีมติกลับคำพิพากษายกเลิกสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการทำแท้งที่มีการใช้กันมานานเกือบ 50 ปีในวันนี้ อาจทำให้ศาลกลับคำพิพากษาที่เคยสนับสนุนการจดทะเบียนสมรสของเพศเดียวกันก่อนหน้านี้
"คำตัดสินที่น่าตกใจของศาลในวันนี้ถือเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคล และเมื่อเราสูญเสียหนึ่งสิทธิที่เราเคยได้รับ ก็มีความเป็นไปได้ที่สิทธิอื่นๆจะได้รับผลกระทบ" นายจิม โอเบอร์จเฟลล์กล่าว โดยเขาเคยต่อสู้เพื่อให้การสมรสระหว่างเพศเดียวกันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย
ทั้งนี้ ศาลฎีกาสหรัฐมีมติด้วยเสียงข้างมาก 6-3 ยกเลิกสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการทำแท้งในสหรัฐ โดยได้กลับคำพิพากษาคดีในปี 2516 ที่รู้จักในชื่อ Roe v Wade ซึ่งได้อนุญาตให้การทำแท้งเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
"Roe ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมากนับตั้งแต่เริ่มต้น การให้เหตุผลสนับสนุนเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่อ่อนมาก และคำตัดสินดังกล่าวก็นำมาซึ่งผลกระทบที่สร้างความเสียหายตามมา เรามีคำวินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ให้สิทธิในการทำแท้ง และอำนาจในการออกกฎระเบียบควบคุมการทำแท้งจะต้องกลับคืนสู่ประชาชนและผู้แทนที่ได้รับการเลือกตั้ง" ผู้พิพากษาซามูเอล อาลิโต ระบุในคำวินิจฉัย
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมทั้ง 6 รายต่างก็ลงมติคว่ำ Roe v Wade ในวันนี้ ขณะที่ผู้พิพากษาสายเสรีนิยม 3 รายลงมติสนับสนุน
คำวินิจฉัยของศาลฎีกาในวันนี้บ่งชี้ว่า รัฐต่างๆสามารถตัดสินใจในการออกกฎระเบียบเกี่ยวกับการทำแท้ง ซึ่งจะทำให้ราว 25 รัฐประกาศให้การทำแท้งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แสดงความผิดหวัง หลังศาลฎีกาสหรัฐประกาศคว่ำสิทธิในการทำแท้งในสหรัฐ
"นี่เป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับประเทศของเรา แต่การต่อสู้ยังไม่จบ" ปธน.ไบเดนกล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิในการทำแท้ง พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย.ที่สนับสนุนการใช้สิทธิทำแท้งตามรัฐธรรมนูญ