‘ลิซา มาร์กอส’ สุภาพสตรีที่ปรึกษาหมายเลข 1
ฟิลิปปินส์เข้าสู่การปกครองของตระกูลมาร์กอสอีกครั้ง แน่นอนว่าความเจ็บปวดจากการใช้อำนาจเผด็จการของเฟอร์ดินันด์ มาร์กอสผู้พ่อ ยังคงฝังใจประชาชนหลายคน
และอีกสิ่งหนึ่งที่เฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ “บองบอง” ถูกจับตาว่าจะซ้ำรอยพ่อหรือไม่ คือ บทบาทของหลังบ้าน “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งฟิลิปปินส์” ที่อิเมลดา เคยสร้างชื่อกระฉ่อนมาแล้ว
แม้ลูอิส อรานิตา มาร์กอส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของฟิลิปปินส์ยืนกรานว่า เธอไม่สนใจเข้าร่วมในรัฐบาลของสามี แต่นักสังเกตการณ์ทางการเมืองเชื่อว่า เธอนี่ล่ะคือ คนคุมอำนาจสำคัญ
ทนายความวัย 62 ปีชื่อเล่น “ลิซา” ไม่หิวแสง ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์สื่อ แต่เธอก็ไม่ใช่คนขี้อาย เธอแกร่ง สมาร์ท และมุ่งมั่น เชื่อกันมากว่าลิซาคือ คนออกแบบการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีของสามี โดยลดบทบาทอิเมลดา มารดาผู้ทรงอิทธิพล และไอมี พี่สาว ผู้ดำรงตำแหน่งส.ว.ลง
นักสังเกตการณ์ และคนที่รู้จักบอกว่า ลิซาจะยังคงรักษาบทบาทของเธอเอาไว้เมื่อมาร์กอส จูเนียร์ สาบานตนรับตำแหน่ง
“ลิซาเป็นคนแกร่ง หลายครั้งที่เธอเป็นกระดูกสันหลังของบองบอง มาร์กอส” ไมเคิล มาร์กอส คีออน ญาติของมาร์กอส จูเนียร์ให้ความเห็น เขาเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Laoag เมืองเอกของ จ.อิโลคอส นอร์เต ฐานที่มั่นทางภาคเหนือของตระกูล
“ฉันไม่คิดว่าเขาจะตัดสินใจโดยไม่คุยกับภรรยาก่อน เธอจะเป็นที่ปรึกษาหมายเลขหนึ่ง เป็นเสียงหมายเลขหนึ่งและเสียงสุดท้ายที่ต้องฟัง” ทนายความในกรุงมะนิลารายหนึ่งผู้เคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับลิซาแสดงทัศนะ
มีข่าวลือว่าลิซามีสัมพันธ์เย็นชากับอิเมลดา วัย 92 ปี และพี่สาวของมาร์กอส จูเนียร์ ทั้งคู่หายไปจากการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี
“ชัดเจนแล้วว่าเธอรับหน้าที่ดูแลการหาเสียง และเธอมีบุคลิกแบบนี้ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ” นักสังเกตการณ์รายหนึ่งกล่าว
ซูเปอร์พาวเวอร์
ลิซาและมาร์กอส จูเนียร์ แต่งงานกันในอิตาลีเมื่อปี 1993 มีบุตรชายด้วยกันสามคน ทั้งคู่พบกันในนิวยอร์ก ซิตี้เมื่อปี 1989 ลิซาทำงานเป็นทนายความ ส่วนมาร์กอส จูเนียร์กำลังลี้ภัยหลังบิดาถูกโค่นอำนาจเมื่อสามปีก่อนหน้านั้น ดูๆ แล้วทั้งคู่ไม่น่าจะมาเป็นแฟนกันได้
ลิซามาจากครอบครัวชนชั้นนำเกี่ยวโยงกับพรรคการเมืองที่ต่อต้านเผด็จการมาร์กอส และมีส่วนยุติการปกครองอันโหดร้าย และทุจริตยาวนาน 20 ปีของเขา อิเมลดาเองไม่ค่อยชอบเธอ ครอบครัวของลิซาก็ไม่ชอบมาร์กอส จูเนียร์เพราะเขาคือศัตรู
บทความชิ้นหนึ่งบนเว็บไซต์ข่าวธุรกิจออนไลน์ Bilyonaryo.com ระบุ “อิเมลดา และไอมีรู้สึกว่าบองบองกำลังแต่งงานกับคนที่ต่ำกว่าตนเอง เพราะลิซามาจากตระกูลอรานิตาสายจน”
สำหรับลิซา “มันไม่ใช่รักแรกพบ” เธอกล่าวกับแอสเตอร์ อโมโย พิธีกรรายการทอล์คโชว์เมื่อปีก่อน เล่าว่าช่วงแรกๆ ก็ไปแฮงก์เอาท์ด้วยกัน กลายเป็นเพื่อนกันจบพบว่า จริงๆ แล้ว มาร์กอส จูเนียร์เป็นคนใจดีมาก
“เมื่อคุณรู้จักเขา จะไม่ให้ตกหลุมรักได้ไง จริงมั้ย” ลิซากล่าวถึงสามี
สองปีหลังมาร์กอสผู้พ่อถึงแก่อสัญกรรมในปี 1989 ครอบครัวย้ายกลับมาฟิลิปปินส์และเริ่มประสบความสำเร็จในการหวนคืนสู่การเมือง
มาร์กอส จูเนียร์ ชนะเลือกตั้ง ส.ส. ใน จ. อิโลคอส นอร์เต ต่อมาได้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และเป็น ส.ว. ขณะเดียวกันลิซาเป็นทนายความ และสอนวิชากฎหมายในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยมาริอาโน มาร์กอส สเตท, มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์, มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น และมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น
ทั้งนี้ตามข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัท M & Associates ของลิซา
บุคคลต้นแบบคือ ตัวฉันเอง
“ตอนแรกเราคิดว่าเขาเป็นนักการเมือง เขาเป็นดารา ฉันเป็นแค่หางเครื่อง” ลิซาบอกกับอโมโย และในการสัมภาษณ์เดียวกันมาร์กอส จูเนียร์ กล่าวว่า ภรรยาของเขามี “ซูเปอร์ พาวเวอร์” เธอจะโกรธ ร้องไห้ และออดอ้อนเมื่อเธอต้องการอัปเกรดหรือได้บัตรเข้างานที่ถูกขายไปหมดแล้ว
“แต่ฉันก็ได้ของฉันล่ะน่า” ลิซาแย้งทันควัน พร้อมเล่าว่า มาร์กอส จูเนียร์บอกเธอว่าตัดสินใจจะลงเลือกตั้งประธานาธิบดีขณะดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรของมาร์เวลเรื่อง“Ant-Man”
“เป็นการตัดสินใจของเขา ฉันไม่ห้ามแต่ก็ไม่ได้ยุ”
และขณะที่แม่สามีมีเรื่องอื้อฉาวในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้สะสมของฟุ่มเฟือย มีรองเท้ามากกว่า 3,000 คู่ ลิซากล่าวกับอบันดา พิธีกรชื่อดังของฟิลิปปินส์ว่า เธอมีเส้นทางของเธอเอง
“บุคคลต้นแบบของฉันก็คือ ตัวฉัน”
ลิซาปฏิเสธแนวคิดที่จะร่วมรัฐบาลของสามี โดยกล่าวว่า เธอจะ “ไล่พวกเขาออกทั้งหมด”
“ฉันจะทำตามแบบฉันเอง”
แม้รอยร้าวระหว่างตระกูลอรานิตา-มาร์กอส และระหว่างลิซากับแม่สามีไม่เคยได้รับการแก้ไข แต่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เธอนี่แหละคือ คนที่มาร์กอส จูเนียร์ รับฟัง
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์