บ.เทคโนโลยีแห่ลดพนง.แม้เจอปัญหาขาดแคลนแรงงาน
ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำโลกต่างพากันพูดถึงการลดจำนวนพนักงานและชะลอการจ้างงาน แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ท่ามกลางสัญญาณเตือนเรื่องทิศทางเศรษฐกิจขาลง ส่วนตัวเลขการว่างงานของสหรัฐปรับลดลงมาจาก 3.6% มาอยู่ที่ 3.5% ในเดือนก.ค. ถือเป็นระดับการว่างงานที่ต่ำสุดในรอบ 50 ปี
บริษัทอเมซอน เปิดเผยว่า ได้ปรับลดค่าใช้จ่ายลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ในส่วนของการปลดพนักงานนั้น อเมซอนปลดพนักงานรวมกันแล้ว 99,000 คนทั่วโลก ทำให้เหลือพนักงานเมื่อสิ้นสุดสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาที่ 1.52 ล้านคน
ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา หรือช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 อเมซอน ได้เพิ่มการจ้างงานพนักงานเกือบ 2 เท่า เนื่องจากความต้องการในสินค้าและบริการด้านอุปโภคบริโภค และการซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์
ส่วนสปอติฟายเพิ่มพนักงานเมื่อปี 2563 เพื่อตอบสนองร้านค้าและร้านอาหารที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้นในช่วงล็อคดาวน์เพราะการระบาดของโรคโควิด แต่เดือน ก.ค. บริษัทได้เลิกจ้างพนักงานราว 1,000 จากหลายสาขาทั่วโลก ซึ่งประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)สปอติฟาย ยอมรับว่า คาดการณ์ผิดเกี่ยวกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ด้านนักเศรษฐศาตร์ มีความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจหนึ่งไม่ได้สื่อถึงภาคเศรษฐกิจทั้งหมด เช่น การล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว แต่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกลับเฟื่องฟู ซึ่งตลอดช่วงการแพร่ระบาดนั้นบริษัทเทคโนโลยีต่างจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น
แต่ตอนนี้ธุรกิจเกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นจนลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค บริษัทเหล่านี้จึงหาทางลดต้นทุนและหาทางระดมทุนเพิ่ม