ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่ม 2.39 ดอลล์ขานรับสต็อกน้ำมันสหรัฐลด
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันพฤหัสบดี(18ส.ค.) ปรับตัวขึ้น 2.39 ดอลลาร์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ พุ่งขึ้น 2.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 90.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.94 ดอลลาร์ ปิดที่ 96.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากภาวะตึงตัวในตลาดจากคาดการณ์ที่ว่าปริมาณน้ำมันรัสเซียจะลดลงอันเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (อียู)
นายไฮทัม อัล กาอิส เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กล่าวว่า โอเปกไม่ควรถูกตำหนิต่อการที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง
"อย่าได้ตำหนิโอเปก แต่ให้ตำหนิผู้กำหนดนโยบายของคุณ และผู้ออกกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาโอเปกและกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันพยายามผลักดันการลงทุนในน้ำมันและก๊าซมาโดยตลอด" นายอัล กาอิสกล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซได้ลดลงอย่างมากในช่วงที่ราคาน้ำมันทรุดตัวลงท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันส่วนเกินของโอเปกลดลง และทำให้โอเปกไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้อย่างรวดเร็วเพื่อชดเชยภาวะชะงักงันของอุปทาน
สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) เปิดเผยว่า การลงทุนในน้ำมันและก๊าซได้เพิ่มขึ้น 10% ในปีที่แล้ว แต่ยังคงต่ำกว่าระดับในปี 2562
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันถูกกดดันจากความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด
ทั้งนี้ อียูได้รับคำตอบจากอิหร่านเกี่ยวกับข้อเสนอของอียูในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 แล้ว โดยอียูกำลังพิจารณาเนื้อหาดังกล่าว และทำการปรึกษากับทางสหรัฐ ขณะที่สหรัฐระบุก่อนหน้านี้ว่าพร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงกับอิหร่านอย่างรวดเร็วตามข้อเสนอของอียู