ไต้หวันเพิ่มงบกลาโหมรับมือจีนคุกคามความมั่นคง

ไต้หวันเพิ่มงบกลาโหมรับมือจีนคุกคามความมั่นคง

ไต้หวันจัดสรรงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพิ่ม 14.9% พร้อมเปิดประเด็นถกเถียงกันว่าถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปกองทัพแล้วหรือไม่

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนและไต้หวันที่มีปมมาจากการเดินทางเยือนไต้หวันของตัวแทนรัฐบาลชาติตะวันตกอย่างสหรัฐและแคนาดา สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่รัฐบาลปักกิ่งจนออกมาตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรด้านต่างๆแก่ไต้หวัน แถมจัดซ้อมรบใหญ่ใกล้เกาะไต้หวันเพื่อแสดงแสนยานุภาพและข่มขู่ไปด้วยในตัว

การข่มขู่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและไต้หวันมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามความมั่นคง ทำให้รัฐบาลไต้หวันจัดสรรงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้น 14.9% พร้อมทั้งเปิดประเด็นถกเถียงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่าถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปกองทัพให้มีความทันสมัยเพื่อรับมือกับกองทัพของผู้คุกคามที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีเหนือกว่าได้แล้วหรือยัง

เมื่อวันพฤหัสบดี(25ส.ค.) รัฐบาลไทเปเสนองบประมาณด้านการป้องกันประเทศสำหรับปี 2566 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กองทัพยังคงมุ่งเน้นพัฒนาอาวุธในรูปแบบเดิมๆแม้จะมีกระแสเรียกร้องเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและในสหรัฐให้ไต้หวันให้ความสำคัญกับการทำสงคราม‘สงครามไร้สมมาตร’ (Asymmetrical warfare) หรืออาจเรียกว่า ‘สงครามที่ไม่เท่าเทียม’ หมายถึงสงครามที่ใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีนอกรูปแบบ (Unconventional Warfare) โดยกองกำลังที่มีศักยภาพด้อยกว่าชนิดเทียบกันไม่ได้ จึงไม่สามารถใช้ยุทธวิธีเดียวกันในการโจมตีศัตรู

เว็บไซต์นิกเคอิ รายงานว่า รัฐบาลไต้หวันเสนองบประมาณด้านการป้องกันประเทศที่ 523.4 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (17.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)เพิ่มขึ้น14.9% จากการจัดสรรงบประมาณโดยรวมในปีนี้ ซึ่งตัวเลขนี้ครอบคลุมถึง เครื่องบินขับไล่ก้าวหน้ารุ่นใหม่ ราคา 108.3 ล้านดอลลาร์ไต้หวันและโปรแกรมต่างๆเพื่อยกระดับการป้องกันการโจมตีทางอากาศและทางทะเล และงบประมาณนี้จะเพิ่มขึ้นไปถึง  586.3 พันล้านดอลลาร์ถ้าหากว่ารวมกองทุนพิเศษอื่นๆเข้ามาด้วย  

 ข้อเสนอเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นครั้งนี้ต้องผ่านการรับรองจากสภานิติบัญญัติไต้หวันซึ่งมีกำหนดเริ่มเปิดประชุมสมัยสามัญครั้งใหม่ในเดือนหน้า    

การเสนองบประมาณด้านการป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นของรัฐบาลไต้หวันมีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ให้การอนุมัติแผนขายอาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่า 108 ล้านดอลลาร์แก่ไต้หวัน ซึ่งผู้สังเกตการณ์ด้านการทหาร มีความเห็นว่า อาวุธชุดดังกล่าวนี้ไม่น่าจะเพียงพอสำหรับรัฐบาลกรุงไทเป เพื่อปกป้องตนเองจากการรุกรานของจีนได้

การอนุมัติแผนการขายอาวุธครั้งล่าสุดของสหรัฐให้ไต้หวัน รวมถึงการส่งชิ้นส่วนสำหรับรถถังและยานพาหนะสำหรับการต่อสู้ รวมทั้งงบสนับสนุนทางเทคนิคและหลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐอนุมัติแล้ว แผนงานนี้จะเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนการอนุมัติโดยสภาคองเกรสต่อไป ซึ่งหากไม่ติดขัดอะไร ก็จะนำไปสู่การขายอาวุธระหว่างสหรัฐและไต้หวันรอบที่ 5 ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรอบที่ 4 ของปีนี้

"จาง ดันแฮน" โฆษกประธานาธิบดีไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวันรู้สึกซาบซึ้งใจที่รัฐบาลสหรัฐยังคงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญยิ่งของความต้องการด้านกลาโหมของไต้หวัน และการบรรลุตามคำมั่นด้านความมั่นคงต่อไต้หวันด้วย

ด้านกระทรวงกลาโหมของจีน ซึ่งคัดค้านการขายอาวุธของสหรัฐมาโดยตลอด ระบุว่า การขายอาวุธนี้ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน และเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่ออธิปไตย รวมทั้งผลประโยชน์ความมั่นคงของจีน
 

 ขณะเดียวกันก็มีเสียงสะท้อนจากไต้หวันว่า รัฐบาลปธน.ไบเดนยังไม่ได้ดำเนินการต่าง ๆ มากพอเพื่อไต้หวัน เพราะการขายอาวุธรอบล่าสุดนี้ ส่วนใหญ่ มุ่งเน้นไปที่ด้านการสนับสนุนและโลจิสติกส์ แทนที่จะเป็นการเสริมสร้างสรรพกำลังในการสู้รบของไต้หวัน

“รูเพิร์ต แฮมมอนด์-เชมเบอร์ส” ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-ไต้หวัน กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าเวลานี้ สหรัฐแทบจะไม่ได้ให้การสนับสนุนความพยายามปรับปรุงกองกำลังไต้หวันให้ทันสมัยอย่างมีนัยสำคัญเลย”

ส่วน “เหวิน-ที ซุ่ง” อาจารย์จากโครงการไต้หวันศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ชิ้นส่วนชุดใหม่และการสนับสนุนทางเทคนิครอบนี้จากสหรัฐ ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่มีความรอบคอบระมัดระวังทางการเมืองในช่วงนี้ ขณะที่ สหรัฐเองต้องพยายามสร้างสมดุลในการดำเนินงานหลาย ๆ ด้านอยู่ด้วย

ด้านประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันเตือนจีนเมื่อวันอังคาร (23 ส.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 64 ปีในการเผชิญหน้าระหว่างกัน และในครั้งนั้นไต้หวันโต้กลับสกัดจีนจนไม่สามารถบุกสำเร็จ

ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลังจากแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เยือนไทเป ขณะที่จีนจัดฉากซ้อมทำสงครามรอบเกาะไต้หวัน สะท้อนความโกรธเกรี้ยวของรัฐบาลปักกิ่งต่อการที่สหรัฐสร้างสัมพันธ์กับไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยของประเทศ

"จีนจะต้องจ่ายเงินจำนวนมาก หากบุกรุกหรือพยายามรุกรานไต้หวัน และยังต้องถูกประณามจากประชาคมโลกอีกด้วย” นางไช่ระบุและกล่าวว่า เมื่อ 64 ปีที่แล้วระหว่างการสู้รบระหว่างไต้หวันกับจีนเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม มีทหารและพลเรือนของไต้หวันปฏิบัติการด้วยน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อปกป้องไต้หวัน เพื่อให้เรามีไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตยในวันนี้

อย่างไรก็ตาม นางไช่แสดงความมั่นใจว่า ปัจจุบัน ไต้หวันจะต่อสู้ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐ ซึ่งส่งยุทโธปกรณ์ทางทหารรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานขั้นสูง Sidewinder ทำให้ไต้หวันมีความได้เปรียบทางเทคโนโลยี