โซนี-เทนเซ็นต์-เน็ตอีส ปรับกลยุทธ์-เพิ่มรายได้
บริษัทเกมใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง โซนี เน็ตอีสและเท็นเซนต์ เริ่มเข้าซื้อกิจการและขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ในจีน ที่กำลังบรรเทาผลกระทบจากข้อจำกัดต่าง ๆ ที่จีนกำหนด
บริษัทโซนี ผู้ผลิตเกมเพลย์สเตชัน ซึ่งครองตลาดเกมคอนโซลมายาวนาน แต่โมเดลธุรกิจแนวนี้เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่หวังให้ลูกค้าซื้อฮาร์ดแวร์และรอเกมใหม่เท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงการเพิ่มรายได้จากการอัพเดตเกมและการสมัครสมาชิกด้วย โซนีจึงเริ่มลงทุนในต่างประเทศเพื่อพัฒนาเกมบนมือถือ ได้เข้าซื้อ ‘ซาเวจ เกมสตูดิโอ’ ที่มีฐานอยู่ในกรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์และกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี
นอกจากนี้ ข้อมูลของนิวซู (Newzoo) สื่อวิเคราะห์ตลาดวิดิโอเกมยังเผยว่า รายได้จากเกมมือถือมีมากกว่า 50% ในตลาดเกมทั้งหมด ขณะที่เกมคอนโซลมียอดขายเพียง 27% เท่านั้น การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของโซนี
ส่วนเทนเซนต์และเน็ตอีส ต้องเผชิญกับมาตรการกีดกันและข้อจำกัดต่าง ๆ ของรัฐบาลจีน ทั้งจำกัดเวลาเล่นเกมของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ยอมอนุมัติเกมใหม่ รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์โควิดเมืองใหญ่ ๆ จนกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งสองบริษัทจึงเริ่มหาซื้อกิจการและขยายการลงทุนในต่างประเทศ
เทนเซ็นต์ ซื้อกิจการและลงทุนในบรรดาบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เช่น ไรออทเกม เจ้าของเกม League of Legends สัญชาติอเมริกัน ส่วนเน็ตอีสเข้าซื้อบริษัทควอนติกดรีม สัญชาติฝรั่งเศส ที่กำลังเปิดตัวเกมสตาร์วอร์
นอกจากจะเน้นไปที่เกมพีซีและเกมมือถือแล้ว ทั้งสองบริษัทเริ่มสนใจเกมคอนโซลมากขึ้นด้วย โดยเน็ตอีสจ้างธุรกิจเกมคอนโซลที่มากประสบการณ์ มาช่วยพัฒนาสตูดิโอเกมญี่ปุ่นเมื่อต้นปี ด้าน TiMi Studio ของเทนเซ็นต์ เปิดบริษัทในมอลทรีออล แคนาดา และซีแอตเทิลในสหรัฐ เพื่อพัฒนาเกมคอนโซล เห็นได้ว่า การเข้าซื้อบริษัทและการลงทุนต่าง ๆ ดังกล่าว ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของบริษัทเกมยักษ์ของจีน