“อินโดนีเซีย” จ่อทบทวนเพิ่มค่าจ้าง โดนประท้วงปล่อยน้ำมันขึ้นรวดเดียว 30%
แถลงการณ์สำนักงานประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ระบุในวันอังคาร(13 ก.ย.) เตรียมทบทวนค่าแรงขั้นต่ำ และระเบียบแรงงาน หลังจากสหภาพแรงงานรวมตัวประท้วงค้านขึ้นราคาน้ำมันทั่วประเทศ
เมื่อต้นเดือน ก.ย. ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ปล่อยราคาน้ำมันแพงขึ้น 30% ได้สร้างความไม่พอใจจากประชาชนจำนวนมาก และเกิดการประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศ
ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นตัวเร่งอัตราเงินเฟ้อในประเทศให้สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558 เนื่องจากราคาอาหารที่แพงมากขึ้นด้วย
แถลงการณ์ประธานาธิบดีระบุว่า นายเฮรู บูดี ฮาร์โตโน หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้พบกับสหภาพแรงงานที่รวมตัวประท้วงหน้าทำเนียบประธานาธิบดีกลางกรุงจาการ์ตา เพื่อหารือถึงข้อเรียกร้องของพวกเขา
“ทางการเตรียมที่จะทบทวนตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน” เฮรู กล่าว
สื่อรายงานว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปี 2564 เป็นผลจากโรคระบาดใหญ่ ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีประชากร 270 ล้านคน เงินค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.09% ในปีนี้
เฮอมันโต ฮาเหม็ด เลขาธิการสหภาพแรงงาน KSPSI ได้อ้างแถลงการณ์ที่ระบุว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบราคาสินค้าจำเป็นอื่นๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่รัฐบาลรับข้อเรียกร้องเพื่อพิจารณาขึ้นค่าแรง