'ยึดคืนพื้นที่6พันตร.กม.'จุดหักเหสงครามรัสเซีย-ยูเครน
กองทัพยูเครนได้ปล่อยวิดีโอคลิปหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นภาพทหารยูเครน ชักธงชาติขึ้นสู่เสาตามเมืองสำคัญต่างๆ ในภาคตะวันออกของประเทศ พร้อมภาพประชาชนที่ต้อนรับการเข้ามาของทหารยูเครน
การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6เดือน และล่าสุดยูเครนเริ่มปฏิบัติการโต้กลับกองทัพรัสเซีย จนตอนนี้ ผู้นำของยูเครน ประกาศอย่างมั่นใจว่าสามารถยึดพื้นที่คืนจากรัสเซียได้แล้วกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร ทำให้นักวิเคราะห์มองว่านี่อาจจะเป็นจุดหักเหสำคัญของสงครามที่ยังหาจุดจบไม่ได้
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เปิดเผยว่าในเดือนก.ย.นี้ กองทัพยูเครนสามารถยึดพื้นที่ในภาคตะวันออกและภาคใต้คืนจากกองทัพรัสเซียได้มากกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเซเลนสกี กล่าวขอบคุณทหารในทุกกองพลที่มีส่วนในปฏิบัติการตอบโต้และยึดพื้นที่คืนจากกองทัพรัสเซีย พร้อมทั้งยกย่องทหารเหล่านี้ว่า เป็นวีรบุรุษที่แท้จริง แต่เซเลนสกีไม่ได้ให้รายละเอียดว่ามีเมืองไหนหรือเขตไหนบ้างที่ได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของรัสเซีย
แต่กองทัพยูเครนได้ปล่อยวิดีโอคลิปหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นภาพทหารยูเครน ชักธงชาติขึ้นสู่เสาตามเมืองสำคัญต่างๆ ในภาคตะวันออกของประเทศ พร้อมภาพประชาชนที่ต้อนรับการเข้ามาของทหารยูเครนที่ได้ต่อสู้และขับไล่ทหารรัสเซียออกไป
ในเมืองอิซยูม ซึ่งเป็นหนึ่งเมืองที่ได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของรัสเซีย นายกเทศมนตรีของเมือง บอกว่า ตอนนี้ทางการกำลังเร่งทำความสะอาดเศษซากของการสู้รบ ซึ่งคาดว่าภายใน 10 วัน การใช้ชีวิตในเมืองจะกลับมาเป็นตามปกติ และจะมีชาวเมืองที่หลบหนีการสู้รบกลับมาที่เมืองมากขึ้น
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งตามหาทหารรัสเซียบางส่วนที่อาจจะยังคงหลบซ่อนอยู่ในเมือง โดยเตือนประชาชนว่าหากพบทหารรัสเซียให้รีบแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ทันที
ขณะที่สำนักข่าวบีบีซี พยายามจะตรวบสอบว่าตัวเลขพื้นที่ที่ยูเครนอ้างว่ายึดคืนกลับมาได้จากรัสเซียตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ แต่ข้อมูลนี้สอดคล้องกับการที่รัสเซียออกมายอมรับเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ได้สูญเสียการยึดครองเมืองหลายแห่งในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่อาจบ่งชี้ว่ารัสเซียอาจจะถอนทหารออกจากยูเครน เพราะมีการทิ้งอาวุธไว้จำนวนมาก และถือเป็นการถอนกองกำลังครั้งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย นับตั้งแต่รัสเซียถอนกำลังออกจากกรุงเคียฟเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
แต่ทางรัสเซีย บอกว่าเป็นแค่การถอนทหารออกมาเพื่อจัดตั้งกองกำลังใหม่ในการสู้รบที่ภูมิภาค โดเนตสก์ และลูฮานสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนเท่านั้น ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกองทัพรัสเซียในยูเครนในตอนนี้ ซึ่ง “ดมิทรี เพซคอฟ” โฆษกของรัฐบาลรัสเซีย ออกมายืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารในยูเครนจะดำเนินต่อไปจนกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้จะเสร็จสิ้นลง
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “ซาปอริซเซีย” ในยูเครน ต้องยุติการทำงานลงทั้งระบบเพื่อความปลอดภัย หลังมีการสู้รบอย่างหนักรอบพื้นที่ระหว่างกองทัพยูเครนและรัสเซีย
เอเนอร์โกอะตอม (Energoatom) ผู้ดำเนินงานพลังงานนิวเคลียร์ของรัฐบาลยูเครน เปิดเผยว่า ตอนนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียทางตอนใต้ของประเทศ ถูกปิดลงทั้งหมดแล้วการทำงานของโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียยุติลงหลังหน่วยพลังงานหมายเลข 6 ถูกตัดการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้า เมื่อเวลา 03:41 น. ของวันอาทิตย์ (11 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย
รายงานระบุว่า มีการเตรียมระบายความร้อนของหน่วยพลังงานหมายเลข 6 อันเป็นหน่วยพลังงานสุดท้าย และเปลี่ยนสถานะสู่การหล่อเย็น โดยเอเนอร์โกอะตอม เรียกร้องให้มีการจัดตั้งเขตปลอดทหารรอบโรงไฟฟ้า เพื่อการซ่อมแซมและกลับมาดำเนินงานอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ซาปอริซเซีย เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งถูกกองกำลังรัสเซียควบคุมตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ขณะพนักงานของยูเครนยังคงดำเนินงานภายในโรงไฟฟ้าต่อไป แต่พื้นที่โรงไฟฟ้าถูกโจมตีในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นานาชาติกังวลเรื่องความปลอดภัย
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ยังหารือกับนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยยูเครนยังคงเดินหน้าเรียกร้องให้ไอเอ็มเอฟปล่อยเงินกู้ยืมให้กับยูเครนอย่างเต็มที่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า พวกเขากำลังรอโครงการเงินกู้ของไอเอ็มเอฟที่มีมูลค่าสูงถึง 1.5-2 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้มีการคาดการณ์กันว่า วงเงินกู้จำนวนมากดังกล่าวไม่มีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติจากไอเอ็มเอฟ ก็ตาม
เมื่อวันจันทร์ (12 ก.ย.) คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ โดยได้หารือเกี่ยวกับแผนการที่จะจัดหาเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์แก่ยูเครนผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือเร่งด่วน (Rapid Financing Instrument) หรืออาร์เอฟไอ
ที่ผ่านมา “เดนิส ชไมฮาล” นายกรัฐมนตรียูเครนได้วิพากษ์วิจารณ์ไอเอ็มเอฟว่า ให้เงินกู้เพื่อการช่วยเหลือแก่ยูเครนล่าช้ามาก พร้อมระบุว่า ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ยูเครนได้ยื่นคำขอในโครงการเงินกู้รอบใหม่จากไอเอ็มเอฟอย่างเป็นทางการ และหวังว่าจะสามารถเบิกจ่ายเงินกู้เบื้องต้นได้เร็วที่สุดในเดือนพ.ย. แต่ไอเอ็มเอฟกลับดำเนินการอย่างล่าช้าเมื่อเทียบกับผู้ให้กู้ยืมรายอื่น ๆ