ถึงเวลา “อินโดนีเซีย” ประเมินมาตรการรักษาปลอดภัย หลังแฟนบอลตายเจ็บนับร้อย
“ไซนูดิน อามาลี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาอินโดนีเซียกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (2 ต.ค.) ทางการจะประเมินความปลอดภัยในการแข่งขันฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากฝูงชนเหยียบกันตายในเหตุจลาจลที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 120 คน ในการแข่งขันฟุตบอลที่สนามกีฬากันจูรูฮัน ของชวาตะวันออก
โฆษกสำนักงานตำรวจอินโดนีเซีย อัพเดทยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ (2 ต.ค.) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 129 ราย
เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามกีฬากันจูรูฮัน (Kanjuruhan) หลังจากแฟนบอลของทีมหนึ่งไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะไม่พอใจทีมเจ้าบ้านแพ้ด้วยสกอร์ 2-3 และได้ปีนข้ามรั้วเข้าไปในสนามฟุตบอลเป็นจำนวนมาก จนมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังมีการเผารถตำรวจ ทำลายอาคารภายในสนามแข่งขันด้วย
ขณะที่แฟนบอลจำนวนมาก ต้องการวิ่งหนีออกจากสนามบอล ส่งผลให้เหยียบกันตายหลายร้อยคน
จากรายงานเบื้องต้นมีแฟนบอล เสียชีวิต 127 ราย และอีก 2 รายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ห้ามปราบฝูงชน โดยโฆษกสำนักงานตำรวจกล่าวเสริม “มีผู้เสียชีวิต 34 คนในสนามกีฬาทันที ส่วนที่เหลือเสียชีวิตในโรงพยาบาล”
สมาคมกีฬาฟุตบอลอินโดนีเซีย (PSSI) ประกาศเลื่อนแข่งขันฟุตบอลลีกไปอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และ อย่างน้อยในฤดูกาลนี้ อาเรมา เอฟซี จะไม่ได้เล่นในบ้านตนเองอีกต่อไป
สื่อต่างประเทศของหลายสำนักรายงานว่า แฟนบอลชาวอินโดนีเซียก่อเหตุจลาจลหลายครั้ง เนื่องจากไม่พอใจผลฟุตบอล อย่างเช่น ข่าวใหญ่เมื่อ 11 ปีก่อนในการแข่งขันฟุตบอลกีฬาซีเกมส์ปี 2011 รอบชิงชนะเลิศที่สนามเกโลรา บุงการ์โน หรือสนามเสนายัน ในกรุงจาการ์ตา ซึ่งครั้งนั้นบรรจุผู้ชมถึง 120,000 คน ทั้งที่สนามรองรับจริงได้เพียง 80,000 คนโดยครั้งนั้นเกิดเหตุแฟนฟุตบอลเบียดเสียดและเหยียบกันจนมีผู้เสียชีวิต รวมทั้งมีการเผาบูธขายบัตร อีกด้วย