ชำแหละนโยบาย "ซีโรโควิด" ตำนาน "สี จิ้นผิง"

ชำแหละนโยบาย "ซีโรโควิด" ตำนาน "สี จิ้นผิง"

สำหรับหลายคนในจีน ช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับการล็อกดาวน์และรุกล้ำความเป็นส่วนตัวเพื่อขจัดการระบาดของโควิด-19 ทำให้พวกเขาต้องทุกข์ระทม แต่สำหรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงการควบคุมไวรัสคือชัยชนะ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า แนวทางไม่ยอมให้มีโควิดของสี จิ้นผิงเท่ากับความพยายามผนึกอำนาจเหนือจีนและพรรคคอมมิวนิสต์ไปแล้ว

เกมสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 16 ต.ค. เมื่อตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์หลายพันคน จะมารวมตัวกันในการประชุมใหญ่ของพรรคที่กรุงปักกิ่ง คาดว่าสีจะได้ครองตำแหน่งครั้งประวัติศาสตร์วาระสาม

“ตำนานของสีและความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นอยู่กับความสำเร็จของแคมเปญโควิดเป็นศูนย์” ไดอานา ฟู ผู้เชี่ยวชาญการเมืองภายในของจีน จากกลุ่มคลังสมองบรุกกิงส์ อินสติติวชันกล่าวกับเอเอฟพี

ขณะที่ส่วนอื่นๆ ของโลกส่วนใหญ่หันมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิด สียังคงยืนยันใช้นโยบายเข้มงวดพุ่งเป้าขจัดไวรัส

แนวทางนี้ทำลายการเติบโตของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ที่มีปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์หนี้ท่วมและคนหนุ่มสาวว่างงานสูงอยู่แล้ว

แต่สียืนกรานกระต่ายขาเดียว ประกาศว่า ซีโรโควิดของจีนเป็นการเดินหน้าอย่างได้ผลและคุ้มค่าที่สุด การคงนโยบายนี้ทำไปพร้อมกับรัฐเข้าไปควบคุมชีวิตประชาชน 1.4 พันล้านคนเข้มงวดยิ่งขึ้น

ตรวจเชื้อและคิวอาร์โค้ด

มาตรการหลักของแคมเปญโควิดเป็นศูนย์อยู่ที่การล็อกดาวน์อย่างรวดเร็ว บางครั้งต้องกักคนหลายล้านคนอยู่แต่ในบ้านหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน

การล็อกดาวน์ครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งในมหานครเฉิงตูไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก แม้แต่ตอนที่แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนอาคารที่พัก

และที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้ การล็อกดาวน์หลายเดือนทำให้ชนชั้นกลางและเศรษฐีออกมาประท้วงอย่างที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก ความไม่พอใจของสาธารณชนยังทะลุทะลวงการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตไปถึงโซเชียลมีเดีย

กรณีหนึ่งที่ดังมากคือรถบัสคว่ำในชนบทมณฑลกุ้ยโจวระหว่างทางไปศูนย์กักตัว มีผู้เสียชีวิต 27 คน เรียกเสียงวิจารณ์ระอุโลกออนไลน์

การควบคุมโดยทั่วไปที่ทำลายความเป็นส่วนตัวและจำกัดการเดินทางเป็นให้ผู้คนโกรธเกรี้ยวและไม่ทนเช่นกัน

ชาวบ้านในหลายเมืองต้องมีผลตรวจเป็นลบทุกๆ สองถึงสามวันจึงจะเข้าสถานที่สาธารณะได้ จากนั้นพวกเขาต้องใช้สมาร์ทโฟนสแกนคิวอาร์โค้ดเข้าออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร และรับผลตรวจสอบล่าสุด

ไอคอนสีเขียวแสดงว่าเข้าได้ ถ้าเป็นสีแดงหมายความว่าติดโควิด สีเหลืองหมายถึงเข้าใกล้ใครบางคนที่ติดโควิด ทำให้อาจต้องถูกกักตัวไม่กี่วันที่บ้านหรือหลายสัปดาห์ที่ศูนย์

ระบบนี้ยังติดตามการเดินทางของผู้คนด้วย เปิดช่องให้ล่วงละเมิดได้ เช่น ทางการถูกกล่าวว่าว่าขัดขวางการประท้วงต่อต้านการทุจริตในปีนี้ด้วยการเปิดรหัสผู้เข้าร่วมเป็นสีแดง ซึ่งก่อนโควิดระบาดพลเมืองจีนถูกทางการสอดแนมอย่างหนักอยู่แล้ว

สตีฟ จาง ผู้อำนวยการสถาบัน SOAS China มหาวิทยาลัยลอนดอน กล่าวว่า เครื่องมือจับตาโควิด “สอดรับกับโมเดลควบคุมสังคม” ที่สีเป็นหัวหอก

ไม่มีทางเลือก

จีนโต้แย้งว่า ซีโรโควิดให้ความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มากกว่าวัตถุ และช่วยป้องกันวิกฤติสาธารณสุขเหมือนที่เกิดขึ้นกับประเทศอื่น

ถ้าปล่อยให้โรคแพร่ไปโดยไม่ควบคุม ทางการเกรงว่าระบบดูแลสุขภาพจะรับไม่ไหว โดยเฉพาะคนสูงวัยในชนบท 

นับถึงขณะนี้จีนรายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดแค่ 5,000 คนเศษ เทียบกับสหรัฐที่เสียชีวิตกว่าครึ่งล้าน แต่แม้โควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่เบากว่าลดความเสี่ยงให้หลายประเทศกล้าเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง การคุมโควิดต่อเนื่องของจีนสร้างความเสียหายให้ทั้งเศรษฐกิจและสังคม

“พวกเขาต้องเลิกโควิดเป็นศูนย์ในที่สุด” จิน ตงหยาน อาจารย์วิทยาลัยชีวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าว

ด้านเอลเลน อู๋ อาจารย์วิทยาลัยแพทย์ มหาวิทยาลัยหนานจิง ผู้ให้คำปรึกษาแก่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ในทางวิทยาศาสตร์ นโบายนี้ผิดและขัดกับหลักฐานทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งมวล ความสำเร็จของนโยบายในช่วงแรกสร้างความรู้สึกเฉื่อยชาในหมู่ผู้กำหนดนโยบาย

อย่างไรก็ตาม หลายคนในจีนชอบซีโรโควิด ฟูจากสถาบันบรุกกิงส์กล่าวว่า การโฆษณาชวนเชื่อของรัฐจูงใจคนส่วนใหญ่ถึงความจำเป็นต้องทำเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ “ด้วยต้นทุนทางเศรษฐกิจและมนุษย์ทั้งหมด”

“พลเมืองจีนจำนวนมหาศาลยังคงสนับสนุนมาตรการโหดนี้แม้มีหลักฐานความเสียหายส่วนบุคคล” เธอกล่าว

แม้แต่ผู้ที่ได้รับผลจากนโยบายก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ

เอียน เจียง วิศวกรสายการบินถูกกักตัวในโรงแรม 200 วันตลอดช่วงระบาด และจีนยังคงเดินหน้าบังคับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศกักตัวถึงสองสัปดาห์

เจียง วัย 38 ปี กล่าวว่า มาตรการนี้ทำให้ชีวิตส่วนตัวเขาลำบากอย่างยิ่ง “แต่นั่นคือนโยบายรัฐบาลจีน คุณไม่มีทางเลือก”

การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครคัดค้านการยกยอปอปั้นสี

“แคมเปญนี้ ไม่สำคัญว่าจะให้ผลทางเศรษฐกิจสังคมแท้จริงอย่างไร จะได้รับการสรรเสริญต่อไปในฐานะชัยชนะของสังคมนิยมจีน” ฟูกล่าวโดยสรุป