สัมพันธ์บาดลึก “สหรัฐ - ซาอุฯ” กับอนาคต “โจ ไบเดน” เลือกตั้งกลางเทอม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ดำเนินความสัมพันธ์ต่อซาอุดีอาระเบีย ดูเหมือนไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ในทางกลับกัน ไม่มีอะไรงอกเงยให้เด่นชัด แต่ยิ่งตอกย้ำรอยร้าวยุคสองผู้นำของมหาอำนาจซีกโลกตะวันตก กับมหาอำนาจด้านพลังงานแห่งตะวันออกกลาง
ทางการสหรัฐ ประกาศว่า ทำเนียบขาวกำลังเริ่มขั้นตอน“ประเมินความสัมพันธ์” กับซาอุฯ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดที่ชัดเจน โดยระบุเพียงว่า “จะมีการจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้”
ขณะที่นายบ๊อบ เมเนนเดซ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา เรียกร้องให้สหรัฐ ระงับความร่วมมือทุกด้านกับซาอุฯ รวมทั้งการค้าอาวุธทุกชนิดด้วย ได้แสดงให้เห็นถึงความผิดหวังอย่างรุนแรงที่สหรัฐ มีต่อพันธมิตรแห่งตะวันออกกลาง ที่มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน
โดยเฉพาะประเด็นท่าทีที่ใกล้ชิดระหว่างซาอุฯกับรัสเซีย หลังจากซาอุฯ ในฐานะผู้นำองค์กรประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกหรือโอเปก จับมือกับกลุ่มโอเปกพลัสนำโดยรัสเซีย ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงวันละ 2 ล้านบาร์เรล ที่จะมีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
เรื่องนี้ ไม่อาจมองข้ามความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับซาอุฯ ที่เสื่อมถอยลงในยุคที่ซาอุฯ มีเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือพระนามย่อว่า MBS เป็นมกุฎราชกุมาร พ่วงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ขณะที่สหรัฐมี โจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีที่ชูนโยบายหาเสียงตอนเลือกตั้งว่า จะทำให้ซาอุฯ กลายเป็นประเทศ “นอกคอก” โดยมีเป้าหมายไปที่ MBS ที่ถูกตราหน้าว่า เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมและทำลายศพของจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุฯ ที่สถานกงสุลซาอุฯ ในตุรกี
เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน รัฐมนตรีต่างประเทศ ประกาศในวานนี้ (13 ตุลาคม) แบบไม่ไว้หน้าไบเดนที่เพิ่งไปเยือนซาอุฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม เพื่อเกลี่ยกล่อมให้เพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจโลกว่าฝ่ายบริหารของไบเดนได้เข้าหาและขอร้องให้ซาอุฯ ชะลอการลดกำลังผลิตน้ำมันตามข้อตกลงระหว่างโอเปกกับโอเปกพลัสออกไปก่อน จนกว่าการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนจะออกไปใช้สิทธิ์ผ่านพ้นไปก่อน พร้อมกับยืนยันเหตุผลเดิมว่าการตัดสินใจมีพื้นฐานจากเรื่องเศรษฐกิจล้วน ๆ “ไม่ใช่การเมือง”
อย่างไรก็ตาม ยิ่งใกล้เลือกตั้งกลางเทอมก็เกิดเสียงแตกกันเองในสหรัฐ โดยเฉพาะสองพรรคใหญ่ คือเดโมแครตกับรีพับลีกันเมื่อฝ่ายรีพับลีกันมองว่าเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะที่ไบเดน ไปโทษประเทศอื่น ในเรื่องราคาน้ำมันพที่พุ่งสูงขึ้นและเรียกร้องให้เขามุ่งเน้นไปที่การผลิตในประเทศมากกว่า ส่วน ส.ส.ทอม ทิฟฟานี ของพรรครีพับลีกัน ได้ทำหนังสือถึงแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้เปิดการไต่สวนว่าฝ่ายบริหารของไบเดนนำเงินจากต่างชาติมาใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งกลางเทอม ในรูปแบบของ“เงินบริจาค”หรือไม่