สิ้น! "ดีทริช เมเทสซิทซ์" เจ้าของเรดบูล วัย 78 ปี
ไว้อาลัยการเสียชีวิต “ดีทริช เมเทสซิทซ์” ในวัย 78 ปี มหาเศรษฐีชาวออสเตรียผู้ปลุกปั้นเครื่องดื่มกระทิงแดงของไทย ให้กลายเป็นแบรนด์เรดบูล และผู้สร้างทีมรถแข่งฟอร์มูลาวัน เรดบูล ที่โด่งดังระดับโลก
มหาเศรษฐีชาวออสเตรีย ดีทริช เมเทสซิทซ์ ผู้เป็นเจ้าของร่วมและเป็นผู้ปลุกปั้น “เรดบูล” (Red Bull) ให้กลายเป็นเครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก และเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลก เสียชีวิตในวัย 78 ปี ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยโดยทีมรถแข่งฟอร์มูลาวัน เรดบูล ซึ่งสมาชิกของทีมต่างออกมาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของผู้สร้างทีมรถแข่งฟอร์มูลาวัน เรดบูล จนกลายเป็นหนึ่งในทีมรถแข่งที่ดีที่สุดในโลก
เมเทสซิทซ์ เคยเป็นเซลแมนขายสินค้าทั่วไปให้กับบริษัท P&G จนกระทั่งเขาได้เดินทางมาที่ไทยและได้รู้จักกับเครื่องดื่ม กระทิงแดง และมองเห็นโอกาสว่าเครื่องดื่มกระทิงแดง น่าจะไปได้ดีในตลาดโลก ถ้ามีการทำการตลาดที่จริงจัง จึงได้ร่วมกับ คุณ เฉลียว อยู่วิทยา เปิดตัวแบรนด์ เรดบูล สำหรับจำหน่ายในตลาดต่างประเทศในปี 1987 จนกระทั่ง Red Bull กลายเป็นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังอันดับ 1 ของโลกและทำให้เมเทสซิทส์ กลายเป็นมหาเศรษฐี ซึ่งมีทรัพย์สินรวมกันกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์
เว็บไซต์ของ Statista ระบุว่า ในปี 2564 แบรนด์ Red Bull ทั่วโลกมีมูลค่าทางการตลาดประมาณ 1.599 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.511 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังยังคงเป็นแบรนด์ที่มีค่าที่สุดของออสเตรียและทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันครองตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกมากถึง 43%
เรดบูลในต่างประเทศ ภายใต้การนำของเมเทสซิทซ์ ประสบความสำเร็จด้วยการวางแผนการตลาดที่รอบคอบซึ่งเรดบูลตั้งใจเจาะตลาดคนรุ่นใหม่และกลุ่มนักเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม นอกจากนี้การวางแผนการตลาดในแต่ละประเทศก็มีการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่ละเอียดเพื่อให้เข้าใจไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายของเรดบูลอย่างแท้จริง
รายงานเรดบูลของไทยระบุเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาว่า “กระทิงแดง หรือ RedBull ทำตลาดกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และคาดการณ์ปีนี้ยังเติบโต 10% จากปัจจัยโควิดคลี่คลาย สถานการณ์เศรษฐกิจฟื้นตัว การเปิดประเทศ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่ม ส่วนการเปิดตัวเรดบูล ฮอลล์ เอ็กซ์เอส เป็นการทำงานร่วมกันของสองแบรนด์โลกที่ผู้บริโภคชอบ ถือเป็นครั้งแรกของบริษัทในการร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตร เพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับตลาดเครื่องดื่มชูกำลังและผู้บริโภค”
อย่างไรก็ตาม นอกจากตลาดในไทย กระทิงแดงทำตลาดในแถบเอเชียหลายประเทศ ซึ่งภาพรวมตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อนบ้านเติบโตดีกว่าไทย เช่น จีนโต 5% เวียดนาม 9% และมาเลเซีย 40%