เหตุจลาจลสนามฟุตบอล ฉุดวิกฤติศรัทธาตำรวจอินโดฯ
เหตุจลาจลรุนแรงที่สนามกีฬากันจูรูฮาน จ.ชวาตะวันออก ของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 1 ต.ค. สะเทือนวงการตำรวจอินโดนีเซีย ทำให้ภาพลักษณ์ตำรวจในสายตาประชาชนแย่ลง ล่าสุด ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด เตือนตำรวจอย่าใช้ชีวิตหรูหรา มุ่งบริการประชาชน หลังความเชื่อมั่นต่อตำรวจลดลง
ประธานาธิบดีโจโกวี เรียกบรรดาผู้บัญชาการตำรวจจากทั่วทุกภูมิภาครวมทั้งนายตำรวจระดับสูง เข้าพบที่ทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อให้คำขวัญว่า “จงละเว้นจากการเป็นเผด็จการ หลีกเลี่ยงการใช้วิธีการกดขี่” ซึ่งในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีที่ยังครองใจสาธารณชน โจโกวีก็ตระหนักถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของสาธารณชนที่มีต่อตำรวจ
กระแสความไม่พอใจในเรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงเหตุการณ์จลาจลรุนแรงที่สนามกีฬากันจูรูฮาน เขตมาลัง จังหวัดชวาตะวันออก หลังจากทีมเจ้าบ้าน “อาเรมา เอฟซี” พ่ายแพ้ต่อทีมเยือนคู่ปรับ “เปอร์เซบายา สุราบายา เอฟซี” ด้วยคะแนน 3-2 ทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นไม่พอใจ ขว้างปาขวดและสิ่งของต่าง ๆ ใส่ทั้งนักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ในสนาม ขณะที่หลายคนวิ่งกรูลงไปจนเกิดความวุ่นวาย
ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน สร้างความตื่นตระหนกและแตกตื่นจนเกิดการเหยียบกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 130 คน หลังจากนั้นมีตำรวจ 3 นาย ถูกตั้งข้อหาละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชน
“เดดี ปราเซตโย” โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจจังหวัดชวาตะวันออกลงโทษตำรวจเขตมาลัง ฐานบกพร่องในการดูแลความปลอดภัยของสนามกีฬา พร้อมทั้งปลดหัวหน้าตำรวจเขตมาลังออกจากราชการ ให้มีผลในทันที นอกจากนี้ ยังพักงานตำรวจอีก 9 คน แต่ไม่ระบุรายละเอียดว่าตำรวจทั้ง 9 คนมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องใด
โศกนาฏกรรมที่สนามฟุตบอลไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ประธานาธิบดีโจโกวีตัดสินใจเรียกตำรวจมาอบรม ยังมีคดีสำคัญที่โด่งดังอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ทำให้ความเชื่อถือที่สาธารณชนมีต่อตำรวจลดลงเรื่อย ๆ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนให้เร่งปฏิรูปวงการตำรวจโดยเร็ว ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจบอกว่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอันดับแรก
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ประธานาธิบดีโจโกวีบอกกับบรรดาตำรวจที่เรียกมาพบว่า เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ความไว้วางใจที่สาธารณชนมีให้ตำรวจอยู่ที่ 80.2% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสำเร็จของตำรวจ ในการช่วยส่งเสริมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่พอเดือนส.ค. ตัวเลขกลับลดลงไปอยู่ที่ 54% ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะฟื้นฟูความไว้วางใจให้กับสถาบันตำรวจ หลังเกิดสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยในปัจจุบัน
และสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขในเดือนส.ค.ลดลง เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปลดนายพลเฟอร์ดี้ ซัมโบ ที่ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมบอดี้การ์ดของตัวเองโดยไตร่ตรองล่วงหน้า เนื่องจากพบว่าเหยื่อ “เสียชีวิตภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติ” ซึ่งอดีตนายพลผู้นี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีและอาจต้องโทษประหารชีวิต
ประธานาธิบดีโจโกวี ยังบอกอีกว่ามีประชาชนราว 29.7% ที่ร้องเรียนเรื่องมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่ผิดกฎหมาย ตำรวจควรให้ความสนใจต่อผู้กระทำผิดพวกนี้ด้วย ซึ่งในวันที่ประธานาธิบดีโจโกวีกำลังอบรมตำรวจ ก็ยังมีตำรวจระดับนายพล และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจในชวาตะวันออก ถูกจับฐานพัวพันยาเสพติดด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ไม่มีทางที่การปฏิรูปตำรวจจะทำสำเร็จได้ง่าย ๆ เพราะปัญหาฝังรากลึกมานานแล้ว
หลังจากเกิดเหตุจลาจลภายในสนามฟุตบอล รัฐบาลอินโดนีเซียได้จับมือกับฟีฟ่า กำหนดมาตรการความปลอดภัยในสนามฟุตบอลใหม่ทั้งระบบ หลังเกิดเหตุจลาจลที่คร่าชีวิตแฟนบอลกว่า 130 ราย โดยเตรียมทุบทิ้งสนามที่เกิดเหตุเพื่อสร้างใหม่
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงจาการ์ตา หลังร่วมประชุมกับจานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า)ว่า ต้องรื้อถอนสนามกีฬาแห่งนี้และสร้างขึ้นใหม่ตามมาตรฐานสหพันธ์ฯ เพื่อเป็นแบบอย่างของสนามกีฬามาตรฐานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีคุณภาพ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้ชม ผู้เล่น และผู้สนับสนุน
“เราเห็นพ้องร่วมกันว่าอินโดนีเซียต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงวงการฟุตบอลโดยทำงานร่วมกับฟีฟ่า และฟีฟ่าจะจัดตั้งสำนักงานในอินโดนีเซียจนกว่าการดำเนินงานทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี”ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าว
ทั้งนี้ ประเทศอินโดนีเซีย เตรียมรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในปีหน้า