‘เจโทร’กระตุ้นการค้า หนุนใช้วัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นแท้ในไทย

‘เจโทร’กระตุ้นการค้า  หนุนใช้วัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นแท้ในไทย

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) จัดแคมเปญ “Made in Japan" ใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบอาหารที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ เชิญชวนคนไทยลิ้มลองอาหารอร่อย วัตถุดิบส่งตรงจากญี่ปุ่น !

องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) จัดแคมเปญ “Made in Japan" ใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบอาหารที่เป็นของญี่ปุ่นแท้ พร้อมนำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำ 236 แห่งทั่วไทย แบ่งเป็นร้านอาหารในกรุงเทพฯ 150 แห่ง ร้านอาหารในต่างจังหวัด 86 แห่งที่ได้รับการรองรับด้วยเครื่องหมาย “Japanese Food Supporter” เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา

เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ได้ลิ้มรสความอร่อยของวัตถุดิบอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยแคมเปญนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พ.ย. ปี 2565 - 28 ก.พ. ปี2566

คุโรดะ จุน’ ประธานเจโทร กรุงเทพฯคนใหม่ กล่าวถึงที่มาของแคมเปญนี้ว่า ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเป็นอันดับ 7 และมีร้านอาหารมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในทวีปเอเชีย ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก แม้ที่ผ่านมา การส่งออกจากญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบจากมาตการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่มูลค่าการส่งออกจากญี่ปุ่นมาไทยเมื่อปี 2564 เริ่มฟื้นตัวประมาณ 110% เกือบถึง 11,000 ล้านบาท และตั้งแต่เดือน ม.ค-ส.ค. มียอดส่งออกประมาณ 8,900 ล้านบาท ทั้งยังมีปัจจัยบวกจากเงินเยนอ่อนค่า อาจช่วยหนุนการส่งออกโตมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรเช่นเดียวกัน เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรเป็นแนวยาว ทำให้แต่ละภูมิภาคมีการปลูกพืชแตกต่างกัน และได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ทางตอนเหนืออาจจะปลูกพืชบางอย่างได้มากขึ้นเมืื่ออากาศเปลี่ยนแปลง แต่อากาศร้อนก่อให้เกิดโรคพืชด้วย กระทรวงเกษตรของญี่ปุ่นจึงพยายามทำวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมากขึ้น และไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคและการส่งออกไปต่างประเทศ

แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิดและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงแต่การส่งออกของญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งจากการสำรวจความเห็นบ่งชี้ว่า คนไทยชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นอันดับสอง รองจากอาหารไทย โดยในไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทุกปี 

ในปี 2563 มีร้านอาหารญี่ปุ่น 4,094 แห่ง ปี 2564 มี 4,370  แห่ง ปี 2562 มีสัดส่วนอยู่ที่ 45.2% และในปี 2563 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 52.6% แสดงให้เห็นว่า ในต่างจังหวัดทุกจังหวัดมีร้านอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถือได้ว่าอาหารญี่ปุ่นเริ่มกลายเป็นอาหารในชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว

‘เจโทร’กระตุ้นการค้า  หนุนใช้วัตถุดิบอาหารญี่ปุ่นแท้ในไทย

ในปี 2565 จังหวัดในประเทศไทยที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

1.กรุงเทพมหานคร 2,073 แห่ง  

2.นนทบุรี 281 แห่ง 

3.ชลบุรี 259 แห่ง 

4. เชียงใหม่ 190 แห่ง 

5.สมุทรปราการ 139 แห่ง 

6.ปทุมธานี 114 แห่ง 

7.ภูเก็ต 85 แห่ง 

8.นครราชสีมา 80 แห่ง 

9.สงขลา 70 แห่ง 

10.ขอนแก่น 63 แห่ง 

ประเภทร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมากที่สุด 5 อันดับแรกในกรุงเทพฯ ได้แก่

1.ซูชิ

2.ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น

3.ราเมน

4.สุกี้/ชาบู

5.อิซากายะ         

ส่วนประเภทร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมากที่สุด 5 อันดับแรกในต่างจังหวัด ได้แก่ 1.ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น

2.ซูชิ

3.สุกี้/ชาบู

4.ราเมน

5.ยากินิกุ/บาร์บีคิว

ส่วนประเด็นสินค้าที่ส่งออกมากที่สุดของญี่ปุ่น เจโทรเผยว่า อันดับหนึ่งเป็นปลาคัทซึโอะ รองลงมาเป็นปลาซาบะและปลาแซลมอน และหากเป็นวัตถุดิบที่ต้องทำการปรุงส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังร้านอาหาร ส่วนผลไม้จะส่งออกไปยังร้านค้าปลีก และมีความต่างด้านราคาอยู่บ้าง แต่องค์กรอาหารและยาของประเทศไทย (อ.ย.) จำกัดการนำเข้าสินค้าบางชนิด ทำให้วัตถุดิบบางอย่างไม่สามารถนำเข้ามาได้

ล่าสุด ไทยเปิดรับนำเข้าเนื้อหมูแล้ว เจโทรจึงอยากนำเสนอเนื้อหมูญี่ปุ่นหากร้านอาหารญี่ปุ่นสนใจ และหากในอนาคต ไทยอนุญาตให้นำเข้าสินค้าบางชนิดมากขึ้น คนไทยอาจจะได้ลิ้มรสวัตถุดิบญี่ปุ่นแท้ได้มากขึ้น

เจโทรจัดแคมเปญนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์คือ

1.อยากให้คนไทยในต่างจังหวัดได้ลิ้มรสชาติวัตถุดิบแท้จากญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งวัตถุดิบญี่ปุ่นที่น่าสนใจของแคมเปญนี้ ได้แก่ หมูญี่ปุ่น เนื้อวัว และอาหารทะเลรวมถึงปลาบูริและปลาซันมะที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก และเจโทร อยากแนะนำให้ชาวไทยได้ลอง “เนื้อหมูญี่ปุ่นแท้” โดยย้ำว่าเนื้อหมูญี่ปุ่นเป็นเนื้อหมูคุณภาพผ่านการเลี้ยงดูอย่างดี มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์  

2.อยากให้คนไทยในต่างจังหวัดมีโอกาสได้ลิ้มลองเมนูอาหารญี่ปุ่นจากวัตถุดิบญี่ปุ่นแท้ จึงขยายขอบเขตแคมเปญให้ครอบคลุมไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นในต่างจังหวัดด้วย 

3.เจโทรได้ร่วมผนึกกำลังกับร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย โดยประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ อินฟลูเรนเซอร์ และสื่อของร้าน พร้อมเผยแพร่เมนูสุดพิเศษจากร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ และคาดว่าคนไทย 1 ใน 6 คน หรือประมาณ 10 ล้านคนจะเข้าถึงการประชาสัมพันธ์นี้ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นรู้จักร้านและหาทานได้สะดวก

นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังมาแนะนำเมนูพิเศษ ที่คัดสรรวัตถุดิบแท้จากญี่ปุ่นเพื่อให้คนไทยให้ลิ้มลอง อาทิ ร้าน ‘เคนจิ ลาโบ’  ทำเมนูพิเศษด้วยหอยนางรมส่งตรงจากฮิโรชิมา, ‘มากุโระ’ มีหอยเชลล์ฮอกไกโด, ‘ไมเซน’ มีหมูคุโรบูตะชั้นเลิศ, ‘นาเบโซพรีเมียม’ มีเนื้อโอมิ จากชิงะ, ‘ฟูกุอินทาวน์’ มีปลาซันมะ จากฮอกไกโด, ‘โอโตยะ’ มีปลาฮอกเกะ, ‘โอชิเน’ มีเนื้อวากิว จากฮอกไกโด, ‘ซูชิโร’ มีเมนูปลามาฮาตะ, ‘เทปเปน’ มีเมนูปลาคัทสึโอะ, ‘โทระซูชิ’ มีเมนูที่คัดสรรปลาและหอยตามฤดูกาลส่งตรงจากญี่ปุ่น และ ‘เซ็น’ มีเมนูซาชิมิปลาฮามาจิ จะเห็นว่าแต่ละร้านมีการนำเสนอเมนูและวัตถุดิบตามฤดูกาลที่แตกต่างกันไปตามสไตล์ร้านอาหารนั้น ๆ 

หากใครชื่นชอบร้านอาหารญี่ปุ่น สามารถติดตามเมนูพิเศษและโปรโมชันจากสื่อของร้าน ทั้งสื่อประชาสัมพันธ์ออฟไลน์ที่หน้าร้าน เมนูในร้าน และสื่อประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์ ทางเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรม