‘เมตา-อเมซอน’ เชื่อมั่นในเทคโนฯ พร้อมดำเนินธุรกิจตามนโยบายผู้นำเอเปค

ไซมอน มิลเนอร์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท เมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta) กล่าวว่า เมตาเวิร์ส คือ การเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากันได้ด้วยระบบออนไลน์ ให้ผู้คนออกห่างหน้าจอ แล็ปท็อป และโทรศัพท์มือถือ เพียงใส่ชุดแว่นตาเมตาเวิร์ส จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้เจอกันจริงๆ  อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่การสร้างอวตารเท่านั้น แต่สามารถใช้เมตาเวิร์สสำหรับการประชุมหรือใช้ในโอกาสอื่นๆได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เมตาเวิร์สยังไม่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน อาจต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการเป็นตลาดเมตาเวิร์สขนาดใหญ่ได้ แต่เมื่อมาท่องเที่ยวในไทย ก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนเป็นครีเอเตอร์พาเที่ยวทั่วไทย จึงมองว่าเมตาเวิร์สจะเป็นตัวช่วยหรือเครื่องมือสร้างโอกาสให้กับธุรกิจมากขึ้น และอยากให้หลายธุรกิจลองนึกถึงโอกาสดีๆ จากเมตาเวิร์ส

เมตาเผยว่า นโยบายความปลอดภัย และนโยบายความเป็นส่วนตัวต่างๆ ที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี จึงแนะนำวิธีที่ลดอุปสรรคด้านนี้ โดยให้มีการเปิดหารือ และพูดคุยกันระหว่างภาคเอกชน และรัฐบาล เพื่อร่วมกับปรับสมดุล เนื่องจากเมตาไม่เห็นด้วยคิดว่าทุกธุรกิจ จะต้องการนโยบายข้อจำกัดต่างๆ เสมอไป เพราะบางนโยบายมีผลกระทบต่อบริษัท และความเชื่อมั่นผู้บริโภค ผู้บริโภคอาจไม่เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของนโยบายต่างๆ อย่างแท้จริง ถ้ามีนโยบายที่เหมาะสม จะช่วยให้บริษัทพัฒนาข้อกำหนดต่างๆ ของธุรกิจต่อได้ แต่สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจคือ การที่ผู้บริโภคเข้าใจว่าธุรกิจมีระบบการทำงานอย่างไร และบริษัทใดที่ลูกค้าเชื่อถือได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา

และจากนโยบายต่างๆ ของสหรัฐที่มีข้อจำกัดหลายอย่างเกิดขึ้น ในฐานะที่บริษัทเมตาดำเนินธุรกิจ และมีลูกค้าทั่วโลก ได้ปฏิบัติตามนโยบายนั้นๆ และพยายามวิธีเดินหน้าต่อไปให้ได้ท่ามกลางปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ ซึ่งเมตาคาดว่าเมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกันอาจมีอะไรที่ดีเกิดขึ้น แต่อยากให้ผู้นำเห็นความสำคัญในการทำงานร่วมกันเพื่อความยั่งยืน และความสงบสุขในภูมิภาคนี้ เพื่อให้ประชาชนหลายหมื่นล้านคนได้ประโยชน์มากที่สุด

เมตาคอยจับตาดูเสมอว่า รัฐบาลจะมีการกำหนดนโยบายรูปแบบใดต่อไป และเป็นหน้าที่ของบริษัทที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสำคัญต่างๆ ที่ผู้นำเอเปคกำหนดขึ้น ทั้งด้านการศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน และนโยบายรัฐ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของเมตา และแนะนำว่าธุรกิจควรปรับสมดุล รู้ลำดับความสำคัญของปัญหา เพื่อทำตามเป้าหมายให้สำเร็จตามที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม เมตาไม่กังวลถึงคำสบประมาทถึงเมตาเวิร์สว่ากำลังจะหมดไป เพราะเมตาเชื่อว่าเมตาเวิร์สจะเติบโตได้ในอนาคต เหมือนกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีมากขึ้น ไม่ได้มีเพียงโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียวเหมือนยุคก่อน  นอกจากนี้ เทคโนโลยียังช่วยเพิ่มโอกาสและบทบาทของสตรีและเยาวชนด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้สังคม และสิ่งแวดล้อมพัฒนาต่อไปเช่นกัน โดยเฉพาะความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษา

ส่วนไมเคิล พังก์ รองประธานด้านนโยบายสาธารณะ อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) กล่าวว่า คลาวด์เป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีที่น่าสนใจต่างๆ ซึ่งบริษัทยูนิคอร์นระดับต้นๆ ใช้คลาวด์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัยหลายอย่างในยุคนี้ อาทิ เอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ 5G ล้วนต้องใช้คลาวด์ และหน้าที่ของเอกชนคือ ต้องช่วยให้ประชาชนเข้าใจวัตถุประสงค์ของนโยบายกำกับดูแลต่างๆ ซึ่งแต่ละประเทศมีการกำหนดนโยบายไม่เหมือนกัน ดังนั้น ธุรกิจต้องคอยจับตาดูว่าธุรกิจในประเทศอื่นๆ ปรับตัวอย่างไร และในฐานะบริษัทเอกชน อเมซอนยังเชื่อมั่นในนโยบายต่างๆ ของหน่วยงานกำกับดูแล เพราะจะช่วยลดช่องว่างการแข่งขันของธุรกิจรวมถึงความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วย

ทั้งนี้ อเมซอนเห็นด้วยกับเมตาว่า ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้รัฐบาล และลูกค้าเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของตน นอกจากนี้ อเมซอนเห็นว่าหลายบริษัทมีความท้าทายมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และการเป็นบริษัทระดับโลกทำได้ยาก หากไม่ตีตลาดในเอเชีย-แปซิฟิก

นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจ และวิกฤติต่างๆ ในขณะนี้ สร้างความท้าทายต่อธุรกิจทั่วโลก อเมซอนพยายามทางปรับปรุงในหลายด้าน เพื่อผลักดันให้เทคโนโลยีเดินต่อไปข้างหน้า และอเมซอนมั่นใจในบริการคลาวด์ของตนมาก เชื่อว่าธุรกิจสตาร์ตอัปจะนำคลาวด์ไปปรับใช้มากขึ้นในอนาคต ส่วนการส่งเสริมบทบาทผู้หญิงและแรงงาน อเมซอน กล่าวว่า บางแผนกในบริษัทมีพนักงานหญิงมากขึ้นแล้ว และเชื่อว่าเทคโนโลยีมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสการทำงาน พร้อมกับสนับสนุนบทบาทของสตรีมากขึ้นด้วย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์