มกุฎราชกุมารซาอุฯ เยือนไทย พลิกฟื้นความสัมพันธ์หลังร้าวฉานนาน 30 ปี

สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า นี่เป็นหนึ่งในความร่วมมือที่นำมาสู่การเสด็จเยือนประเทศไทยของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร แห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย โดยพระองค์เสด็จถึงกรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นสมาชิกราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย พระองค์แรกที่เสด็จเยือนประเทศไทย หลัง ความสัมพันธ์ทางการทูต และเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศร้าวฉานมานานถึง 3 ทศวรรษ

ไทยเชิญมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด เข้าร่วมสังเกตการณ์ การประชุมสุดยอดเอเปคที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 19 พ.ย. โดยมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด จะทรงเป็นผู้นำต่างประเทศคนแรกที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีกำหนดพบกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย เพื่อลงนามบันทึกความตกลงด้านการท่องเที่ยว, พลังงาน และการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต

"ปีนี้ถือเป็นปีอันสำคัญยิ่งต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ" นายคาลิด อัลฟาลีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบียให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในกรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเสริมว่า "การพลิกฟื้นความสัมพันธ์ไปสู่จุดเดิม ซึ่งก็คือ ความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งอันเปี่ยมศักยภาพนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง"

การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียนั้น ไทยไม่เพียงแต่ได้หุ้นส่วนใหม่ในการหาหนทางแก้ปัญหาตลาดพลังงานผันผวนเท่านั้น แต่ยังได้นักลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การผลิตรถไฟฟ้า และพลังงานทดแทนอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่ของไทยระบุว่า ในขณะที่พยายามสร้างความหลากหลายในการสร้างรายได้ ซาอุดีอาระเบียอาจทุ่มเม็ดเงินลงทุนในไทยสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในระยะใกล้

"ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบียมีการลงทุนด้านไฮโดรเจน และแอมโมเนียเพื่อการส่งออกมายังเอเชียอยู่แล้ว โดยไทยมีความต้องการเข้าถึงพลังงานเหล่านี้มากขึ้น รวมถึงการจับมือกันสร้างโครงการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในไทย" นายอัลฟาลีห์ กล่าว

การพลิกฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ในการเพิ่มบทบาทของซาอุดีอาระเบียในระดับนานาชาติผ่านนโยบายต่างประเทศ โดยพระองค์ถือเป็นผู้นำซาอุดีอาระเบียโดยพฤตินัย และเพิ่งเสร็จสิ้นการเสด็จเยือนเกาหลีใต้เมื่อวานนี้
 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์