โลกกังวลจีนเปลี่ยนนโยบายรับมือโควิด-19กะทันหัน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน หลังจากจีนประกาศเมื่อกลางดึกวันจันทร์ (26 ธ.ค.) ยกเลิกการกักตัวนักเดินทางขาเข้าตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.เป็นต้นไป ข่าวนี้สร้างความยินดีให้กับพลเมืองจีนแต่หลายประเทศกลับกังวลห่วงเกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เนื่องจากการติดเชื้อในจีนพุ่งสูงมาก

ทางการสหรัฐกล่าวเมื่อกลางดึกวันอังคาร (27 ธ.ค.) ว่า กำลังพิจารณาออกมาตรการสำหรับนักเดินทางจากจีน หลังจากญี่ปุ่นและอินเดียกำหนดให้ตรวจพีซีอาร์ผู้โดยสารชาวจีน

“ตอนนี้ประชาคมโลกกังวลกันมากเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงในจีน และการไม่มีข้อมูลโปร่งใส เช่น การรายงานข้อมูลลำดับพันธุกรรมไวรัสจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐจึงกำลังพิจารณาออกมาตรการคล้ายๆ กับประเทศอื่นๆ อย่าง ญี่ปุ่นและมาเลเซีย”

ไต้หวัน ที่จีนอ้างว่าเป็นดินแดนของตน กล่าวเมื่อวันพุธ (28 ธ.ค.) ว่าจะคัดกรองโควิดนักเดินทางที่มาจากจีนด้วย

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การที่จีนผ่อนคลายให้นักเดินทางต่างชาติเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว ทวีความหวังว่าธุรกิจการเดินทางมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จะฟื้นตัวในไม่ช้า แต่นานาประเทศต้องรออีกสักพักกว่านักท่องเที่ยวจีนจะออกมาเที่ยว

ทั้งนี้ ก่อนโควิดจีนเป็นตลาดท่องเที่ยวเอาท์บาวด์ใหญ่สุดของโลก ปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายขณะท่องเที่ยวต่างแดน 1.275 แสนล้านดอลลาร์

ขณะนี้สายการบินกำลังวางแผนขยายบริการแต่ประชาชนจีนและบริษัททัวร์มองว่า การเดินทางจะกลับไปเป็นปกติได้ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ

หลิว ซี่หมิน เจ้าหน้าที่แผนกท่องเที่ยวสถาบันวิจัยสังคมจีนเพื่ออนาคตศึกษา ในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า การเดินทางไปต่างประเทศจะไม่กลับมาสู่ระดับก่อนโควิดระบาดจนกว่าจะถึงปี 2567 ขณะนี้หลายคนกำลังพิจารณาถึงคลื่นการระบาดที่เล่นงานทั่วประเทศจีน

นอกจากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและอินเดียกำหนดให้นักเดินทางจากจีนต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบแล้วอีกปัญหาสำหรับหลายๆ คนคือเงิน

“ต้องใช้เวลากว่าผู้คนจะมั่นใจ เพราะหลายคนตกงานหรือหมดเงินไปในช่วงโควิดระบาด” หลิวให้ความเห็น

การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคจัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษา “โอลิเวอร์ ไวแมน” เผยแพร่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ทางการจีนประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดโควิด พบว่า แม้เปิดประเทศแล้ว ผู้ให้ข้อมูลชาวจีนกว่าครึ่งจะรออีกหลายเดือนไปจนถึงหนึ่งปีกว่าจะเดินทางไปต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง