ผลสำรวจชี้ จีนยังไม่กล้าเที่ยว ขอออมเงินให้รวยก่อนดีกว่า
ผลสำรวจของโอลิเวอร์ ไวแมน บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการของสหรัฐ เผยว่า ชาวจีนส่วนใหญ่ยังไม่ต้องการออกจากอพาร์ทเมนต์ แม้จีนยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 แล้ว
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานอ้างอิงผลสำรวจจากโอลิเวอร์ ไวแมน ระบุว่า ชาวจีนมากกว่า 90% หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก และผู้ตอบแบบสอบถามราว 60% รู้สึกไม่สะดวกใจที่จะออกไปที่สาธารณะอย่างน้อยอีกสองสามเดือนข้างหน้า
เคนเนท เชาว์ ประธานบริษัทโอลิเวอร์ ไวแมน ให้สัมภาษณ์ผ่านทางอีเมล์สัปดาห์นี้ว่า “บริษัทสังเกตว่าถนนหลายแห่งและห้างสรรพสินค้าไร้ผู้คนในเดือนธ.ค. เนื่องจากการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ธุรกิจหลายแห่งที่เราได้พูดคุย มีความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนแรงงาน หน่วยธุรกิจที่สำคัญมีพนักงานป่วย และธุรกิจบางแห่งต้องดิ้นรนเพื่อรักษาระดับบริการให้ได้”
ขณะที่นักท่องเที่ยวไปห้างสรรพสินค้าและสถานที่เที่ยวช่วงวันหยุด พบว่าร้านค้ายังไม่เปิดบริการทั้งหมด และสถานที่จัดงานต่างๆ ค่อนข้างแออัด แต่ยังไม่มากเท่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19
ซึ่งจากการสำรวจมีชาวจีนเพียง 8% เท่านั้นที่สะดวกออกไปข้างนอกในช่วงนี้
ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าว สำรวจชาวจีน 4,500 คน ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จากหลายเมืองเพื่อเป็นตัวแทนของประชากรจีนในเขตตัวเมือง
นอกจากนี้ ผลสำรวจตลอด 20 ปีที่ผ่านมาจากธนาคารกลางจีน พบว่า คนจีนสนใจออมเงินมากกว่าใช้เงิน เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565
โดยผลสำรวจที่เปิดเผยในไตรมาส 4 ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 62% พึงพอใจที่จะออมเงินมากกว่าใช้เงินหรือนำเงินไปลงทุน
ส่วนคนที่วางแผนใช้จ่ายเงิน สนใจใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพและการศึกษา และแม้ข้อมูลจากที่อื่นแสดงให้เห็นว่า ชาวจีนสนใจท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผลสำรวจโอลิเวอร์ ไวแมน ระบุว่า คนจีนส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังตัว
ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น ที่มีแผนท่องเที่ยวในช่วงวันตรุษจีน ปลายเดือน ม.ค. 66 และไม่มีชาวจีนคนใดสนใจอยากเที่ยวหากยังไม่รวยมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนี้ จัดทำก่อนที่จีนจะประกาศเมื่อวันจันทร์ (26 ธ.ค.)ว่า ยกเลิกกักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป