ส่องสีสันฉลองปีใหม่เอเชียแปซิฟิก ยุโรป ท่ามกลางภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครน

จีนที่เพิ่งยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดในเดือน ธ.ค. ท่ามกลางการติดเชื้อของผู้คนเป็นจำนวนมากทำให้ไม่ค่อยมีผู้ที่อยากจะออกมาเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่เท่าใดนัก  
ท่ามกลางการคาดหวังของผู้คนว่าในปี 2566 นี้ จีนจะสามารถกลับมาอยู่ในภาวะปกติในรูปแบบก่อนการระบาดครั้งใหญ่ได้

“ผมใช้ชีวิตอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโควิดมาตลอดปี 2565 ผมหวังว่าปี 2566 จะเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างกลับไปสู่ช่วงก่อนปี 2563”ชาวเน็ตอีกคนที่อยู่ในมณฑลเจียงซูกล่าว

ส่วนที่เมืองอู่ฮั่น ที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดเมื่อสามปีก่อน ผู้คนหลายหมื่นคนเฉลิมฉลองปีใหม่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดในการรวมตัวกันของฝูงชนขนาดใหญ่นับตั้งแต่การประท้วงเมื่อปลายเดือน พ.ย.จนเป็นเหตุทำให้ทางการจีนต้องยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์

ที่ฮ่องกง ที่เพิ่งจะยกเลิกมาตรการการจำกัดการรวมตัวของฝูงชน มีรายงานว่ามีผู้มารวมตัวนับหมื่นคนที่อ่าววิกตอเรียเพื่อจะเคาน์ดาวน์ ถือเป็นงานฉลองปีใหม่ในรอบหลายปีของฮ่องกง โดยในปี 2562 ฮ่องกงต้องยกเลิกจัดงานฉลองปีใหม่เนื่องจากความไม่สงบและตามมาด้วยโรคโควิดระบาดในปี 2563-2564

ที่มาเลเซีย รัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศยกเลิกการเคาน์ดาวน์และจุดดอกไม้ไฟที่จัตุรัสเมอร์เดก้า หลังเกิดเหตุน้ำท่วมทั่วประเทศและเหตุดินถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิต 31 รายในเดือน ธ.ค. ขณะที่การฉลองที่ตึกเปโตรนาสก็ถูกลดขนาดลง ไม่มีการแสดงหรือการจุดดอกไม้ไฟ

ด้านยูเครน รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวในเวลา 19.00 น. ทำให้การเฉลิมฉลองในที่สาธารณะไม่สามารถทำได้ โดยผู้ว่าการในหลายท้องที่ประกาศเตือนผ่านโซเชียลมีเดียห้ามไม่ให้มีการละเมิดมาตรการในช่วงปีใหม่ แต่ถึงแม้ว่าจะเฉลิมฉลองไม่ได้ ก็ยังมีชาวยูเครนบางคนประดับต้นคริสมาสต์ของตัวเอง 

ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสก็เฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เป็นครั้งแรกเช่นกันนับจากปี 2562 โดยจุดดอกไม้ไฟเป็นเวลานานติดต่อกัน 10 นาที ท่ามกลางฝูงชนจำนวนกว่า 500,000 คนที่รวมตัวกันบนถนนช็องส์-เอลิเซ่ เพื่อรับชมการแสดงดอกไม้ไฟ

ส่วนที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน รัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศด้วยจรวดมิสไซล์ระลอกใหม่เข้าใส่หลายเมืองทั่วประเทศยูเครนในวันที่ 31 ธ.ค.2565 ซึ่งถือเป็นวันส่งท้ายปีเก่าหลังจากพวกเขาเพิ่งระดมยิงมิสไซล์กว่า 100 ลูกใส่ยูเครนได้เพียงสองวัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการสู้รบ