AOT ติด 1 ใน 50 บริษัทที่ 'บลูมเบิร์ก' ยกให้น่าจับตามองสุดปี 2566

จากการรวบรวมข้อมูลของเว็บไซต์บลูมเบิร์กอินเทลลิเจนซ์ พบว่า ท่าอากาศยานไทย ติด 1 ใน 50 บริษัทน่าจับตามองปี 2566 ซึ่งอาจมีรายได้น้อยกว่าที่คาดการณ์เพราะการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป

บลูมเบิร์กอินเทลลิเจนซ์ (บีไอ) ได้ติดตามบริษัท 2,000 แห่งในหลายภาคธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจการสื่อสารและสินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึงธุรกิจการเงินและอาหาร ซึ่งบีไอพบ 50 บริษัทที่น่าจับตามองในปีนี้ โดยอ้างอิงรายชื่อจากเว็บไซต์โฟกัสไอเดียส์ ซึ่งรวมมุมมองที่แตกต่างกัน และปัจจัยเร่งที่อาจเกิดขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง

โดยนักวิเคราะห์ของบีไอตระหนักถึงหลายปัจจัย อาทิ การเติบโตของกลุ่มลูกค้าคาดหวัง ความยืดหยุ่นต่อสภาวะเงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงกลุ่ม C-suite หรือฝ่ายบริหารระดับสูง และการวางแผนสินค้า และบริการใหม่

นอกจากนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครนก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ เช่นกันเดียวกับการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ความท้าทายซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนซบเซา และผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) ติด 1 ใน 50 บริษัทที่น่าจับตามองในปี 2566 ด้วย

โดยเดนิส หว่อง นักวิเคราะห์บีไอ กล่าวว่า การฟื้นตัวของร้านค้าปลีกในสนามบิน และสินค้าแบบปลอดภาษี อาจถูกบั่นทอนโดยการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม และการใช้จ่ายที่เป็นแบบแผนมากขึ้น อาจทำให้ AOT มีรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 15%

โดยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายน้อยลง และกำลังซื้อลดลงเพราะเงินเฟ้อ

ส่วนรายได้สัมปทานค้าปลีกอาจขาดแรงหนุนจากนักท่องเที่ยว แม้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ใช้จ่ายมากเป็นประวัติการณ์ หวนกลับไปเที่ยวจังหวัดต่างๆ ในไทย เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และภูเก็ตแล้วก็ตาม