ผ่าปฎิบัติการยึดสภา บราซิลซ้ำรอยสหรัฐ
ภาพผู้ประท้วงชาวบราซิลหลายพันคนบุกเข้าไปในสภา ศาลฎีกา และทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์ เกิดประณามจากทั่วโลกเสมือนหนังม้วนเก่าที่เคยฉายในสหรัฐเมื่อสองปีก่อน เมื่อผู้สนับสนุนผู้นำเก่าไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ยึดสถานที่ราชการเพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจ
เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (8 มี.ค.) ผู้ประท้วงหลายพันคนที่สนับสนุน “ฌาอีร์ โบลโซนารู” อดีตประธานาธิบดีขวาจัด ผู้ได้ฉายาว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งบราซิล” สวมเสื้อฟุตบอลทีมชาติบราซิลสีเหลือง-เขียว บุกเข้าไปในสำนักงานสถาบันทางอำนาจทั้งสามในกรุงบราซิลเลีย ทุบหน้าต่าง รื้อเฟอร์นิเจอร์ ทำลายงานศิลปะ ขโมยรัฐธรรมนูญต้นฉบับปี 1988 ยึดปืนหลายกระบอกไปจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี
ประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่เพิ่งสาบานตนรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งสัปดาห์กล่าวโทษว่า เป็นเพราะโบลโซนารูที่ยุแหย่ผู้สนับสนุนตลอดเวลาโดยกล่าวหาว่าตนแพ้เลือกตั้งเพราะโดนโกง ตำรวจท้องที่ที่ขึ้นตรงต่อผู้ว่าราชการกรุงบราซิเลีย พันธมิตรของโบลโซนารูไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้งการรุกคืบของผู้ประท้วงได้
ขณะที่ผู้ถูกพาดพิงที่บินจากบราซิลไปฟลอริดาเพียง 48 ชั่วโมงก่อนวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของตนสิ้นสุด ปฏิเสธข้อกล่าวหาของลูลา โดยทวีตข้อความว่า การประท้วงโดยสันติเป็นประชาธิปไตย แต่การบุกรุกสถานที่ราชการนั้น “ล้ำเส้น”
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ทวีตข้อความประณามการประท้วง “ผมขอประณามการทำร้ายต่อประชาธิปไตยและต่อการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติในบราซิล ผมสนับสนุนสถาบันประชาธิปไตยของบราซิลอย่างเต็มที่ และเจตจำนงของประชาชนชาวบราซิลจะต้องไม่ถูกลิดรอน”
เหตุบุกสถานที่ราชการก่อให้เกิดคำถามในหมู่พันธมิตรประธานาธิบดีลูลาที่กองกำลังฝ่ายความมั่นคงไม่ได้เตรียมการถูกผู้ก่อจลาจลยึดสถานที่โดยง่าย ทั้งๆ ที่พวกเขาประกาศแผนผ่านโซเชียลมีเดียมาล่วงหน้าหลายวันแล้ว
ท่ามกลางความวุ่นวาย ผู้ประท้วงบางคนทุบกระจก ขณะที่คนอื่น ๆ เข้าถึงห้องประชุมวุฒิสภา กระโดดขึ้นบนเก้าอี้ ไถเก้าอี้เล่น นอกจากนี้คลิปวีดิโอที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียยังเผยภาพผู้ประท้วงดึงตำรวจลงจากหลังม้า จากนั้นเข้าทำร้ายตำรวจนอกตึกรัฐสภา
ภาพเหล่านี้ชวนให้นึกถึงการบุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อสองปีก่อนโดยผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ผ่านไปสามชั่วโมงตำรวจใช้แก๊ซน้ำตาสลายการชุมนุมและยึดสถานที่ราชการคืนมาได้
ฟลาวิโอ ดิโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเผยว่า ผู้ประท้วงถูกจับกุม 200 คน แต่ผู้ว่าราชการกรุงบราซิเลียกล่าวว่า ถูกจับ 400 คน การสอบสวนจะมุ่งเน้นเปิดเผยหาท่อน้ำเลี้ยงที่จัดรถบัสหลายร้อยคันขนผู้สนับสนุนโบลโซนารูเข้าเมืองหลวง และสอบผู้ว่าราชการกรุงบราซิเลียที่ไม่ได้เตรียมการรับมือ
ฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อเจอผู้สื่อข่าวก็รีบปกป้องการกระทำของตนเองทันที ลิมา วิศวกรวัย 27 ปี ที่เข้าร่วมประท้วงเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “เราจำเป็นต้องสร้างการเรียกร้องใหม่หลังการเลือกตั้งแสนหลอกลวง ฉันมาที่นี่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ เพื่อลูกสาวของฉัน”
แต่คนอื่น ๆ ในเมืองหลวงต่างแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว และกล่าวว่าการโจมตีเมืองสร้างความมัวหมองให้กับประเทศ
“ฉันเลือกโบลโซนารู แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนกลุ่มนี้กำลังทำ ถ้าไม่พอใจประธานาธิบดีคนใหม่ ก็แค่พูดออกมา แล้วเดินต่อ พวกคุณไม่ควรประท้วงและเข้าร่วมความรุนแรงเหมือนที่คนพวกนี้กำลังทำ” เดเนียล ลาเซอร์ดา วัย 21 ปี กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซี
ส่วนตัวโบลโซนารูที่อยู่ในฟลอริดาน่าจะอยู่ยากแล้ว เพราะประธานาธิบดีไบเดนกำลังเจอแรงกดดันอย่างหนักให้ส่งอดีตผู้นำบราซิลกลับประเทศ
“โบลโซนารูไม่ควรอยู่ในฟลอริดา สหรัฐไม่ควรเป็นที่พักพิงให้กับผู้นำอำนาจนิยมที่บันดาลใจให้เกิดการก่อการร้ายภายในประเทศในบราซิล เขาควรถูกส่งตัวกลับบราซิล” โจคิน คาสโตร ส.ส.พรรคเดโมแครตกล่าวกับซีเอ็นเอ็น และว่าโบลโซนารู สาวกทรัมป์ ตอนนี้อยู่ในรัฐฟลอริดาที่ทรัมป์มีบ้านอยู่ที่นั่น ใช้สิ่งที่ทรัมป์เคยทำปั่นกระแสผู้ก่อการร้ายในบราซิล
เพื่อน ส.ส.อย่างอเล็กซานเดรีย โอคาสิโอ คอร์เตซ เห็นพ้อง
“สหรัฐต้องยุติการให้โบลโซนารูพำนักในฟลอริดา เกือบสองปีจากวันที่รัฐสภาสหรัฐถูกพวกฟาสซิสต์โจมตี เราเห็นความเคลื่อนไหวของฟาสซิสต์ในต่างประเทศพยายามทำแบบเดียวกันในบราซิล” ส.ส.หญิงกล่าว
ความเห็นเหล่านี้กลายเป็นเรื่องร้อนสำหรับโบลโซนารูและตอกย้ำถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ของรัฐบาลวอชิงตันต่ออนาคตของเขา
ความสัมพันธ์ระหว่างโบลโซนารูกับไบเดนไม่ดีนัก ในบราซิลโบลโซนารูไม่มีเอกสิทธิคุ้มครองหลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดี หากกลับประเทศคดีความต่างๆ อาจนำไปสู่การถูกจับกุมหรือห้ามลงเลือกตั้งประธานาธิบดีได้