จับตาโลกยุคเลือกข้าง! วันที่ญี่ปุ่นเจอความท้าทายจากจีน-เกาหลีเหนือ
ช่วงสัปดาห์นี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยราบรื่นนักของสามประเทศคือจีน สหรัฐและญี่ปุ่น อันมีชนวนเหตุมาจากการที่สหรัฐและญี่ปุ่นทำข้อตกลงร่วมมือด้านการป้องกันประเทศร่วมกัน
ล่าสุด จีน เล่นใหญ่ ถึงกับออกแถลงการณ์เตือนว่า การยกระดับ ความร่วมมือทางทหาร ระหว่างสหรัฐ และญี่ปุ่น ไม่ควรทำลายผลประโยชน์ของชาติที่ 3 หรือทำลายสันติภาพในภูมิภาค
กระทรวงต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (12ม.ค.)โดยตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับแผนการเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐ และญี่ปุ่น ที่ประกาศในวันเดียวกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนและเกาหลีเหนือ
คำเตือนของจีนมีขึ้นหลังจาก“แอนโทนี บลิงเคน” รัฐมนตรีต่างประเทศ และ“ลอยด์ ออสติน” รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ ร่วมกับ“โยชิมาสะ ฮายาชิ” รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น และ“ยาสุกาซุ ฮามาดะ” รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น แถลงข่าวร่วมกันที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐว่า อิทธิพลจีน ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นความท้าทายทางยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและนอกภูมิภาค พร้อมกับประกาศว่าจะเสริมสร้างการป้องปรามให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และขยายขอบเขตของสนธิสัญญาความมั่นคงให้ครอบคลุมถึงอวกาศ
ทั้งสองชาติเห็นพ้องที่จะปรับเปลี่ยนกองทหารอเมริกันที่ประจำการบนเกาะโอกินาวา ที่ใกล้กับไต้หวัน เพื่อเสริมศักยภาพการต่อต้านเรือ ที่มีความจำเป็นในกรณีจีนรุกรานไต้หวัน หรือ กระทำการอื่นใด ที่เป็นปรปักษ์ทั้งในทะเลจีนใต้หรือทะเลจีนตะวันออก โดยกองทหารจะมีขนาดเล็กลง เคลื่อนที่รวดเร็วขึ้น และติดอาวุธที่มีความทันสมัยมากขึ้น
นอกจากนี้ สหรัฐจะเพิ่มความร่วมมือในการเสริมศักยภาพการโจมตีของญี่ปุ่นด้วยอาวุธที่มีพิสัยทำการระยะไกล และส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนายุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัย
นายกฯญี่ปุ่นซัมมิต‘ไบเดน’ครั้งแรก
เมื่อวันศุกร์(13ม.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ ต้อนรับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ที่ทำเนียบขาว เป็นส่วนหนึ่งของแผนเดินทางเยือนประเทศสมาชิกกลุ่มจี-7 และเพื่อตอกย้ำความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่าง สหรัฐ-ญี่ปุ่น ที่เหนียวแน่น ในช่วงที่ญี่ปุ่นรู้สึกกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับภัยด้านความมั่นคงจากจีนและจากการที่รัสเซียเดินหน้ารุกรานยูเครน
ปธน.ไบเดน กล่าวว่า “สหรัฐยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นในการเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น รวมทั้งสิ่งสำคัญที่สุดคือการปกป้องญี่ปุ่น”
นายกฯ คิชิดะ กล่าวว่า “ญี่ปุ่นและสหรัฐในปัจจุบันกำลังเผชิญสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่มีความซับซ้อนและมีความท้าทายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ”
หลังหารือร่วมกันแล้ว ผู้นำทั้งสองประเทศ ได้แถลงการณ์ร่วม ยืนยันความเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของทั้งสองประเทศที่จะเอื้อประโยชน์กันและกันและเอื้อประโยชน์แก่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และต่อโลก อีกทั้งความร่วมมือใหม่ของสองประเทศผ่านโครงการ National Security Strategy, National Defense Strategy and Defense Buildup Program เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แถมยังเกิดขึ้นมาในช่วงที่อินโด-แปซิฟิกกำลังเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งจีนและเกาหลีเหนือ
แถลงการณ์ร่วมยังระบุว่า ความเป็นพันธมิตรของสหรัฐและญี่ปุ่นในวันนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งผู้นำของทั้งสองประเทศยืนยันด้วยว่า ความเป็นพันธมิตรต่อกันเป็นหลักสำคัญของสันติภาพ ความมั่นคงและความรุ่งเรืองของอินโด-แปซิฟิก และทั้งสองประเทศจะเดินหน้าความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจพื่อส่งเสริมความรุ่งเรืองของประเทศตนเองและของโลกร่วมกัน
ญี่ปุ่นเร่งเสริมเขี้ยวเล็บประเทศ
การเคลื่อนไหวเชิงรุกของญี่ปุ่นและสหรัฐครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่า พันธมิตรทั้งสองมีความเห็นตรงกันว่าโอกาสของการเกิด สงครามในอินโด-แปซิฟิก เริ่มเพิ่มมากขึ้นจากการที่จีนอาจโจมตีไต้หวันหรือเกาหลีเหนือทำการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์
รัฐบาลนายกฯ คิชิดะวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมของประเทศให้ถึงเกือบ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นระดับที่จะทำให้ญี่ปุ่นกลายมาเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีงบประมาณทางทหารสูงที่สุดในโลก
ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์เป็นแรงผลัก
“แซ็ค คูเปอร์” นักวิชาการอาวุโสด้านยุทธศาสตร์สหรัฐในเอเชีย จากอเมริกัน เอนเทอร์ไพรส์ อินสติติว( American Enterprise Institute)ให้ความเห็นว่า ท่ามกลางสถานการณ์ล่อแหลมต่างๆ ที่รวมถึงการที่จีนขู่โจมตีไต้หวันที่แม้ว่ายังเป็นเรื่องของการคาดการณ์ แต่สงครามยูเครนก็เป็นประเด็นที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นตื่นตัวมากขึ้นว่าประเทศจะไม่มีความปลอดภัย
เปิดแผนร่วมมือทางทหารสหรัฐ-ญี่ปุ่น
สหรัฐกับญี่ปุ่น ประกาศเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความสัมพันธ์ทางทหารอย่างมีนัยสำคัญ และยกระดับขีดความสามารถของกองทัพสหรัฐในประเทศ รวมถึงประจำการหน่วยนาวิกโยธินที่ได้รับการออกแบบใหม่พร้อมข่าวกรองขั้นสูง ความสามารถในการเฝ้าระวังและความสามารถในการยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ
ความร่วมมือนี้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ กล่าวในระหว่างแถลงข่าวที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ,รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น และรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น เข้าร่วมด้วย โดยระบุว่า กองทหารปืนใหญ่ กรมนาวิกโยธินที่ 12 จะถูกปรับเปลี่ยนใหม่เป็น กรมนาวิกโยธินที่ 12 ที่จะเปลี่ยนกองทหารปืนใหญ่เป็นชุดที่อันตรายกว่า ว่องไวกว่าและมีความสามารถมากกว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพจีน