ห้องน้ำสาธารณะเวียดนาม ตัวการสกัดนักท่องเที่ยว
ห้องน้ำสาธารณะเวียดนาม ตัวการสกัดนักท่องเที่ยว จากปัญหามีห้องสุขาสาธารณะไม่เพียงพอรองรับผู้มาเยือน ซึ่งสะท้อนการบริหาร จัดการที่ไม่ครอบคลุมและไม่มีประสิทธิภาพ
สำนักข่าวนิกเคอิ เอเชียนำเสนอรายงานเรื่องนี้โดยระบุว่า ถนนหลายสายในเมืองโฮจิมินห์ของเวียดนาม มีหลายสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งอาหารอร่อย, รูปแกะสลักที่บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์บนสถาปัตยกรรมต่างๆ, วิถีชีวิตท้องถิ่น เช่นการขับมอเตอร์ไซค์ส่งไก่พะรุงพะรัง ทุกอย่างล้วนน่าสนใจ ยกเว้นเรื่องเดียวคือ ห้องสุขาสาธารณะ
ข้อมูลจากโกลบอล อินเด็กซ์ ที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ระบุว่า เมืองใหญ่แห่งนี้ รวมถึงกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่แย่ที่สุดด้านห้องสุขาสาธารณะ จึงไม่น่าจะใช่ข่าวดีนักสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเวียดนาม
“คิวเอส ซัพพลายส์” บริษัทจำหน่ายโถสุขภัณฑ์ กล่าวว่า การจัดอันดับดังกล่าวจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเลือกจุดหมายปลายทางอย่างรอบคอบมากขึ้น และทำให้นักท่องเที่ยวเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ แม้เป็นเรื่องที่ดูไม่ดีเท่าไหร่
จากดัชนีชี้วัดจำนวนห้องน้ำสาธารณะต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร บ่งชี้ว่า มีเพียงเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมืองใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้และกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ที่มีห้องสุขาแย่กว่าหลายเมืองในเวียดนาม
เจ้าหน้ารัฐบาลเวียดนามและธุรกิจภาคบริการกำลังศึกษาความสนใจของนักท่องเที่ยว หลังเวียดนามกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวในปี 2565
นครโฮจิมินห์อาจคุยโอ้อวดว่า มีสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำเป็นถ้ำขนาดใหญ่ มีแหล่งดำน้ำดูปะการัง และมีก๋วยเตี๋ยวแมงกะพรุนแสนอร่อย แต่หลังจากทางการเวียดนามยกเลิกมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เวียดนามก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เพียง 3.6 ล้านคนเท่านั้นในปีที่แล้ว เพราะปัญหาขาดแคลนห้องสุขาสาธารณะและปัญหานี้ก็หนักหนาสาหัสกว่าปัญหาเรื่องข้อจำกัดในการออกวีซ่า ซึ่งเวียดนามเข้มงวดมากกว่าประเทศไทยและอินโดนีเซีย
นี่คือความเป็นจริงที่นักท่องเที่ยวเจอ หลังจากดื่มกาแฟและรับประทานอาหารเช้าสไตล์เวียดนามเเสร็จ และได้เดินเล่นบนทางเท้าหินสีชมพูของกรุงฮานอยไปได้สัก 1 ชั่วโมง นักท่องเที่ยวก็จะเจอปัญหาคือ ห้องน้ำสาธารณะในเวียดนามมีน้อยมาก ซึ่งการจดรายการสิ่งที่ต้องทำของนักท่องเที่ยว ย้ำเตือนให้พวกเขาพกเงินตราต่างประเทศให้เพียงพอ หรือไม่ก็จดหมายเลขฉุกเฉินต่าง ๆ ไว้เผื่อต้องใช้ แต่เรื่องห้องสุขาสาธารณะนั้น ประเทศนี้ไม่มีความพร้อมเลย
ตามกฎของเมอร์ฟี หรือแนวคิดที่ว่า “ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาดได้ จะผิดพลาด” นั้น คิวเอส ซัพพลายส์ อธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อนักท่องเที่ยวเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำอยู่ไกลมาก และนักท่องเที่ยวอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ปัญหานี้จึงก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้มาก
คิวเอส ซัพพลายส์ ระบุอีกว่า “การไม่สามารถเข้าถึงห้องน้ำได้เป็นปัญหาใหญ่และเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี การเอาใจใส่และการดูแลอย่างรอบด้าน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับประเด็นเศรษฐศาสตร์เชิงสังคมด้วย"
10 เมืองที่มีห้องน้ำบริการจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเมืองหลวงที่ร่ำรวยในทวีปยุโรป เช่น กรุงปารีส ส่วน 10 ประเทศที่มีห้องน้ำสาธารณะบริการน้อยที่สุด ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาแถบทวีปแอฟริกาและเอเชีย เช่น เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง แต่ในบางประเทศ ห้องน้ำกลายเป็นสัญลักษณ์ของการบริการอย่างครอบคลุมหรือความยุติธรรมทางสังคม
ประเด็นห้องสุขาไม่ได้เกิดกับเวียดนามหรือประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ก็เคยมีข้อถกเถียงกันในเรื่องนี้ เช่น กรณีของสตาร์บั๊ ที่มีข้อถกเถียงว่าควรให้คนนอกหรือคนที่ไม่ใช่ลูกค้าเข้าห้องสุขาของร้านหรือไม่ และปมถกเถียงเรื่องนี้นำไปสู่การกำหนดเป็นข้อบังคับใช้ทางกฎหมายในบางรัฐในโอกาสต่อมา
อย่างไรก็ตาม เวียดนามและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ จำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญด้านสุขาสาธารณะเสียใหม่ โดยพิจารณาถึงความสำคัญของสิ่งนี้นอกเหนือไปจากเรื่องขับถ่าย
ทุกวันนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐทุ่มไปกับการบริการต่าง ๆ เช่น การขนส่งมวลชน, การบำบัดน้ำเสีย และการฝึกอบรมทักษะอาชีพ แต่ห้องน้ำสาธารณะสำหรับนักท่องเที่ยวกลับมีความสำคัญอันดับท้าย ๆ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวบนภูเขา อ่าวเล็กใกล้ปากแม่น้ำ และพื้นที่ห่างไกลต่าง ๆ
เว็บไซต์เวียดนามพลัส รายงานถ้อยแถลงของ “เหวียน ฟาน ฮุง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวที่ระบุว่า ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กระทรวง ภาคธุรกิจ และท้องถิ่นต้องช่วยกันคิด กระจายความรู้ ความเข้าใจ และโปรโมทสินค้าในชุมชนด้วย
ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวก็ตั้งเป้าให้แต่ละท้องถิ่นมีสินค้าส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ และให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค