ชมบรรยากาศเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐแสดงแสนยานุภาพทะเลจีนใต้
สหรัฐอวดเครื่องบินรบและเฮลิคอปเตอร์ทะยานขึ้นลงจากเรือบรรทุกเครื่องบินนิมิตซ์ หวังแสดงแสนยานุภาพในทะเลจีนใต้ น่านน้ำที่มีการอ้างกรรมสิทธิทับซ้อนกันดุเดือดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังเปรียบเสมือนหลังบ้านพญามังกรจีน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ นิมิตซ์ นำ กองเรือจู่โจม เข้าสู่ ทะเลจีนใต้ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ฝูงเฮลิคอปเตอร์ MH-60 Seahawk และเครื่องบินรบF/A-18 Hornet ขึ้นลงกันให้ว่อน
พลเรือตรีคริสโตเฟอร์ สวีนีย์ ผู้บัญชาการกองเรือสหรัฐ กล่าวเมื่อวันศุกร์ (27 ม.ค.) ว่า การเดินทางท่องทะเลจีนใต้เป็นความรับผิดชอบหนึ่งของสหรัฐต่อเสรีภาพการเดินทางในน่านน้ำและน่านฟ้าภูมิภาคที่สำคัญต่อการค้าโลก
“เราจะแล่นเรือ เหินฟ้า และปฏิบัติการในทุกที่ที่กฎหมายและปทัสถานระหว่างประเทศอนุญาต เราจะทำอย่างปลอดภัยและมุ่งมั่นในเรื่องนี้ มันก็แค่การเดินเรือและปฏิบัติการกับพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราในพื้นที่ เพื่อสร้างหลักประกันให้พวกเขาถึงการค้าพาณิชย์ที่เปิดกว้างและเสรีในอินโดแปซิฟิก” สวีนีย์กล่าว
กองเรือบรรทุกเครื่องบินจู่โจมนิมิตซ์ 11 ประกอบด้วย
- ขีปนาวุธร่อนนำวิถี Bunker Hill
- ขีปนาวุธทำลายล้างนำวิถี Decatur
- เรือ Wayne E. Meyer
- เรือ Chung-Hoon
ซึ่งลำหลังได้แล่นผ่าน ช่องแคบไต้หวัน อันอ่อนไหว เมื่อวันที่ 5 ม.ค. สร้างความไม่พอใจให้กับจีน
ขณะเดียวกันจีนก็ลาดตระเวนในบริเวณนี้เป็นประจำ พร้อมคงเรือยามชายฝั่งและเรือประมงไว้จำนวนมาก
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ออกแถลงการณ์เหตุการณ์เครื่องบินสอดแนมทางยุทธศาสตร์ “อาร์ซี-135” ของกองทัพสหรัฐ “เผชิญหน้า” กับเครื่องบินขับไล่ “เจ-11” ของ กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) เหนือทะเลจีนใต้ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องบินของจีนเคลื่อนที่อยู่ห่างจากอากาศยานของสหรัฐเพียง 3 เมตร หากวัดระยะจากปีก ซึ่งถือเป็น “ระยะอันตราย”
สำหรับการเข้ามาในทะเลจีนใต้ของสหรรัฐ สวีนีย์ย้ำว่า การปฏิบัติตามระเบียบระหว่างประเทศสำคัญมาก การที่สหรัฐเข้ามาก็เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อพันธมิตรในภูมิภาค
“เราปฏิบัติการในน่านน้ำเดียวกับกองทัพเรือจีน สิงคโปร์ หรือฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เรามาถึง ทุกอย่างปลอดภัยและเป็นมืออาชีพ เราจะแล่นเรือ เหินฟ้า และปฏิบัติการในน่านน้ำสากลทุกแห่งที่เปิดให้เราทำได้ ใช่ว่าเราจะไปทุกที่”